เพจดังเปิดค่ารักษา "อาจารย์เอก" ฝ่ามือพลังจิต รายได้ไม่ธรรมดา 

สืบเนื่องจากกรณีที่โลกโซเชียล มีการเผยแพร่คลิป "อาจารย์เอก" ฝ่ามือพลังจิต โดยภายในคลิปได้ปรากฏภาพการรักษาประชาชนชาวบ้าน ที่มีอาการเจ็บป่วย อาทิ อาการปวดบ่า ไหล ด้วยการใช้ฝ่ามือ ตบไปที่บ่าทั้งสองข้าง และวิธีการรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นด้วยการให้นอนคว่ำกับพื้นแล้วใช้เท้าถีบ

 

ซึ่งคลิปที่แชร์ดังกล่าว ระบุข้อความไว้ว่า

 "คนป่วยสองพันกว่าคน.... ตบ ๆ หาย ถีบ ๆ หาย วันนี้ที่วัดภูม่านฟ้า อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์"

ล่าสุด เพจดังยืนหนึ่ง ไทยนิวส์ รายงานอีกว่า 
ได้มีผู้ป่วยรายหนึ่ง เปิดเผยจำนวนเงินค่ารักษา กับอาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต ว่า 
อาจารย์เอกจะคิดค่ารักษาเป็นเงินรายละ 5,000 บาท 

นอกจากนี้ยังกล่าวอีกว่า 
คนที่รักษาไม่หาย สามารถมาขอเงินค่ารักษาคืนได้ โดยวิธีการรักษาจะใช้นิ้วคลึงรอบดวงตา แล้วใช้นิ้วกดตามหัวตากับรอบเปลือกตา

อีกความเคลื่อนไหว ผู้สื่อข่าวรายงานไว้ว่า 

ทางด้าน "อาจารย์เอก" ฝ่ามือพลังจิต กำลังเตรียมเอกสาร เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นศาสตร์พลังจิตในการรักษาอย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย 

ย้อนอ่านทุกกระแสความแรง !!

อาจารย์เอก ฝ่ามือเทวดา ท้า สธ.พิสูจน์การรักษา

อาจารย์เอก ฝ่ามือเทวดา รักษาโรคด้วยพลังจิต ประกาศท้าสาธารณสุขทั่วประเทศมาพิสูจน์การรักษา หาเคสมาได้เลย พร้อมขอสื่อแก้ข่าวยายเสาไม่ได้ตาบอดสนิท เตรียมไปรักษาอีกครั้ง

จากกรณีโซเชียลแชร์คลิป อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาหมอนรองกระดูก ด้วยการให้นอนคว่ำ แล้วเดินถีบผู้ป่วยแต่ละคน โดยผู้ถ่ายบรรยายว่า คนที่นอนอยู่นี่ มีอาการกระดูกทับเส้นทั้งหมด ไม่ต้องใช้เวลานาน แค่ให้อาจารย์ถีบแล้วลุกขึ้นเลย ทดสอบเลยว่าเบาขึ้นไหม ดีขึ้นไหม ซึ่งมีคนยกมือตอบว่าโดนถีบแล้ว อาการดีขึ้น เบาขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมออนไลน์ตั้งคำถามกับการกระทำดังกล่าวเป็นจำนวนมาก วันนี้ ( 14 พฤศจิกายน 2566 ) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต หรือ นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี ที่มาทำการรักษาอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี โดยวันนี้มีผู้ป่วยอัมพฤกษ์ แขนขาอ่อนแรง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดคอ ปวดหลัง ปวดหัวไมเกรน มารอรับการรักษาเป็นจำนวนมาก

นางกาญจณา ไลทรัพย์ อายุ 74 ปี หนึ่งในผู้ที่มารับการรักษา ซึ่งเป็นชาวบ้าน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กล่าวว่า หลังตนเองมีอาการร้าวไปถึงก้น จนถึงขา มีอาการชาตั้งแต่เท้าจนถึงศีรษะมา 12 ปีกว่าแล้ว ไปรักษามาจนทั่ว หมดเงินไปไม่น้อย ไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจว่าเป็นอะไร หมอนำตัวเข้าอุโมงค์แล้วผลปรากฏว่า เป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อน ข้อที่ 4 ที่ 5 การรักษาทางเดียวคือการผ่าตัด ถ้าหากไม่ผ่าจะเดินไม่ได้ ตนเองไปตรวจอีกหลายโรงพยาบาล ผลการวินิจฉัยก็ออกมาเหมือนกัน คือให้ผ่าตัด แต่ตนเองกลัวว่าผ่าแล้วจะเดินไม่ได้ ไปฝังเข็ม ใช้ถ้วยดูด ก็ไม่หาย มารักษาที่นี่ครั้งแรกก็อาการดีขึ้น ตนเองรู้จักอาจารย์จากใน YouTube จนล่าสุดเห็นรักษา นายวินัย ไกรบุตร นักแสดงชื่อดัง มาทดลองรักษาด้วยวิธีดังกล่าว ตนเองจึงติดตามดูว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง หลังการรักษาไป 5 วัน 8 วัน พบว่านายวินัย ไกรบุตร อาการดีขึ้นจริง ตนเองจึงตัดสินใจเดินทางมารักษาบ้าง ตอนที่มายังรักษายังเดินไม่ค่อยสะดวก แต่หลังจากรักษากับอาจารย์แล้วสามารถวิ่งได้ โดยอาจารย์บอกว่าถ้าหายแล้วไม่ต้องมารักษาอีก ตอนนี้ตนเองเดินได้ หันซ้ายหันขวาได้สะดวกขึ้น จากตอนแรกที่ขากรรไกรแข็ง พูดคุยได้ไม่นานจะมีอาการเมื่อย แต่อาจารย์เอกใช้เวลารักษาไม่ถึง 5 นาที ก็ดีขึ้นแล้ว

ด้าน นางอภิญญา​ สกิดใจ​ อายุ​ 62​ ปี​ ชาวบ้านจาก จ.​เพชรบุรี​ กล่าวว่า ป่วยเป็นกระดูกทับเส้นมา 4 ปีแล้ว ไปรักษาที่โรงพยาบาลจอมเกล้าที่เพชรบุรี หมอให้ยามาทาเท่านั้น กระทั่งมาเห็นข่าวการรักษาด้วยพลังจิต ตนเองจึงเดินทางมารักษา จากอาการที่เดินไม่ค่อยได้ แต่พออาจารย์เอกรักษาให้แล้ว ตนเองก็กลับมาเดินแทบจะปกติ เหมือนกับว่าน่าจะรักษาหายแล้ว
 

ขณะที่ อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต หรือ นายกีรติ สมคิด อายุ 53 ปี กล่าวว่า

ก่อนหน้านี้ ยายเสา ผู้ป่วยตาบอดรายหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตนเองเคยไปช่วยรักษาให้ 2 รอบ ทุกรอบที่ไปอาการก็ดีขึ้นหมด จากที่มองไม่เห็นแสงอะไรเลย ต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำ ตอนนี้กลับมามองเห็นหน้าลูกหน้าหลานแล้ว ซึ่งตนเองเคยบอกยายเสาว่าช่วยได้แค่นี้ เพราะมาทีนึงตนเองก็หมดเกือบแสน แต่ถ้ายายเสามีตังค์แล้วให้กรรมการเขาพามาหาตนเอง ตนเองจะช่วยต่อเนื่องให้ เพราะถ้าไม่มารักษาต่อเนื่อง เดี๋ยวอาการยายเสาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก เพราะยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการรักษาแบบเต็มรูปแบบ ยายเสาไม่ใช่คนที่ตาบอดสนิท แต่มีสื่อบางช่องไปออกข่าวว่าแกบอดสนิท แล้วหลังการรักษาเสร็จแล้วผ่านไป 3 วัน ก็กลับมาบอดสนิทเหมือนเดิม เป็นการออกข่าวที่ผิด ขอให้แก้ไขให้ตนเองด้วย หลังจากนี้ตนเองจะเดินทางไปพิสูจน์กับยายเสาอีกครั้ง อยากให้นักข่าวทุกคนตามไปพิสูจน์พร้อมกันได้เลย ถ้าทำแล้วไม่ดีขึ้น ตนเองจะเลิกทำการรักษาทุกอย่างเลย

อาจารย์เอก กล่าวอีกว่า

ที่ผ่านมาตนเองช่วยคนตาบอดจนกลับมามองเห็นลูกเห็นหลาน กอดคอกันร้องไห้ ทำไมไม่เอาคลิปนั้นมาลง ทำไมไม่พูดให้เรื่องดีๆ ที่ตนเองช่วยเหลือผู้คนจนเป็นกระแส จนมีผู้ป่วยเดินทางมานั่งรอรักษาอยู่ที่นี่จนล้น หลังจากที่การแพทย์ปัจจุบันไม่สามารถช่วยเหลืออะไรให้เขาได้แล้ว ทำไมคนป่วยจะเลือกการรักษาทางนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมาพิสูจน์กัน ตนเองขอท้าสาธารณสุขทุกแห่งในประเทศไทย หมอดังๆ ในประเทศ ให้มาพิสูจน์กัน

ตนเองพร้อมท้าพิสูจน์ เพื่อให้นำศาสตร์นี้มาอยู่กับโลกใบนี้ อยู่คู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน จะดีกว่าไหมที่จะมาโจมตีกัน พิสูจน์ให้เหมือนกับนักข่าว ที่มีอาการปวดมาตั้งหลายปี เดินแทบไม่ได้ แต่ตนเองทำแค่ไม่กี่นาทีก็ดีขึ้น มาพิสูจน์กันได้เลย ตนเองยินดี และขอฝากไปถึงรัฐมนตรีด้วยว่า เรื่องนี้เป็นของดี อยากให้อยู่คู่โลกใบนี้ ตนเองถ่ายทอดศาสตร์ให้กับลูกศิษย์มา 300 กว่าคนแล้ว จนตอนนี้ทุกคนเก่งกันหมด

ศาสตร์ชนิดนี้เป็นศาสตร์แรกที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ ไม่ผิดที่คนไม่เชื่อ เพราะมันเป็นเรื่องอัศจรรย์ แต่ตนเองสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้ เพราะมาจากการฝึกพลังจิตขั้นสูง ต่อให้ไม่โดนตัวตนเองก็รักษาได้เป็นบางโรค ใครปวดหัวอยู่ตรงไหนก็ได้ video call มาหา ทำให้ดูผ่านโทรศัพท์ได้ หรือปวดเข่าให้รักษาตรงนี้ ไม่ต้องจับก็ได้ เดี๋ยวหาเคสมาพิสูจน์ ยินดีพิสูจน์ทุกเส้นทาง

ตนเองไม่ได้บอกว่าคนที่มาหาแล้วจะหายเลย แต่คนป่วยที่เขามา เขาพูดกันเองว่าดีขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเขาบอกดีขึ้น 10% , 20% ตนเองก็จะทำต่อ วันนั้นคนป่วยไปเป็นพันกว่าคน ลูกศิษย์ตนเอง 30 กว่าคน แทบรับมือไม่ไหว ตนเองเลยต้องใช้อภิญญา คือใช้ฤทธิ์เล่นฤทธิ์ให้ทุกคนได้หายเร็ว

เพราะในกระบวนการนั้นตนเองกำลังไปถวายกฐิน ต้องเร่ง มันมีเวลาจำกัด และสถานที่ไกลจากที่ตนเองอยู่ ก็เลยทำทีเดียว โดยเราใช้พลังจิตค่อนข้างรุนแรง ซึ่งไม่มีอันตรายต่อผู้ป่วย เหมือนทุกเคสที่มา ไม่มีใครเจ็บเนื้อเจ็บตัว ไม่มีใครร้องโอดโอย ไม่ใช่กระชากกระดูก ไม่ใช่ดึงหลัง และตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน การเชิญมาทุกคน เจ้าของสถานที่เขามีการเช่าอาคาร คือเป็นค่าครู ใครจะรวบรวมมาให้ โดยค่าครูบาอาจารย์ที่นำมามอบให้นั้น เป็นค่าเดินทางมา เพราะไม่มีใครอยู่ที่นี่ ตรงนี้เขาเปิดเขาเชิญตนเองมา ตนเองบอกเดือนนี้ว่าง 6 วัน คุณเขาก็จัดคิวมา รวบรวมกันมา ใครไม่หายเขาก็ไม่รับค่าครู ก็คืนไป ใครไม่รุนแรง อาจารย์ก็ไม่รักษา หรือรักษาก็ได้ อาจารย์จะเอาเฉพาะคนที่อาการรุนแรง ที่หมอทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว เช่น กระดูกทับเส้นต้องไปผ่า

ตนเองมีอยู่ 4-5 บริษัทฯ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องทรัพย์สินเงินทอง มีค่าครูก็นำไปช่วยเหลือคน ตนเองไปช่วยคนแต่ละที่หมดไม่ต่ำกว่า 7-8 หมื่นบาท จะเอาเงินที่ไหน ถ้าอยากจะรักษากับตนเองก็จองคิวรวมตัวกันได้ ถ้าต้องการส่วนตัวก็ต้องเชิญไป ต้องมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ตนเองเสียเวลา แต่ตนเองให้เป็นค่าครู ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้ามูลนิธิไปช่วยเหลือคน ตนเองไม่ได้พูดเรื่องเงิน อยู่ที่ใครที่จัดกิจกรรม จัดงาน คนที่ทำเขาก็มีรายได้มีรายจ่ายของเขา พื้นที่เขาก็ต้องเช่า โรงแรมมีพนักงาน แต่เขาก็ไม่ได้ไปเยอะอะไร แต่ทุกเคสทุกคนก็ต้องไปช่วยสร้างบุญกุศลกันหมด ตนเองพยายามตั้งค่าครูสูง เพราะต้องการให้ทุกคนมาหาลูกศิษย์ เพราะตนเองถ่ายทอดให้ลูกศิษย์แล้ว อย่ามาหาตนเองเลย เหนื่อยมาก

"จริงๆ อยากจะหยุดรักษาตัวต่อตัว สร้างลูกศิษย์มาแล้ว ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย ครอบครัวยังไม่ได้ดูแลเลย ใครที่มาแล้วไม่ดี ตนเองคืนเงินให้หมดทุกบาท แถมให้เงินกลับไปด้วย ใครที่มาบอกยืมเงินมา นั่นคือความตั้งใจ ตนเองคืนเงินให้ ตนเองทำให้เขาดี ทำให้เขาหาย ไม่ได้มานั่งหวังผลประโยชน์เรื่องเหล่านี้ ส่วนโรคความเสื่อม ความดัน เบาหวาน ไขมัน ตนเองใช้พลังจิตไม่ได้ แต่ช่วยได้ในระดับหนึ่งจากเขาเวียนหัว แต่ความเสื่อมเช่น ตาผ้า ตามัว อาจารย์ช่วยได้ อย่างอัมพฤกษ์ช่วยให้เดินได้เลย" อาจารย์เอก กล่าว