
30 สิงหาคม 2566 น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ดกสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมสื่อและโทรคมนาคมในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งระบบ รวมถึงผู้ประกอบการและผู้บริโภคด้วย กสทช.จึงได้วางนโยบาย ด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ 5 ด้าน ประกอบด้วย
1. การส่งเสริมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การกำหนดแนวทางทีวีดิจิทัล หลังหมดอายุใบอนุญาตในปี 2572 โดยมีแผนจะทำ เนชั่นแนล สตรีมมิ่ง แพลตฟอร์ม เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางที่รวมวีดีโอ สตรีมมิ่ง โดยเบื้องต้นได้มีการหารือกับทางผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และสมาคมโฆษณาแล้ว ต่างเห็นด้วย
ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีการรวมคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้ง่ายต่อการดูแล และจะมีข้อมูลการใช้งานของผู้บริโภค เพื่อใช้วางแผนในการซื้อโฆษณาได้ ที่สำคัญเม็ดเงินโฆษณาที่อยู่ในระบบจะไหลเวียนอยู่ในประเทศ แทนที่จะออกไปนอกประเทศเหมือนกับแพลตฟอร์มของต่างชาติ
2. การกำกับผู้ให้บริการเนื้อหารายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ วิดิโอ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ โอทีที ซึ่งอยู่ในช่วงดำเนินการ นำโอทีทีเข้าสู่ระบบกำกับดูแล โดยมีการทำงานร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA โดยแนวทางจะเป็นการกำกับดูแลแบบหลอมรวม เน้นเรื่องเนื้อหา คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและผู้บริโภค รวมถึงศึกษาเรื่องการออกใบอนุญาตว่ามีความจำเป็นหรือไม่
3. การส่งเสริมคอนเทนต์คุณภาพและความหลากหลายสำหรับคนทุกกลุ่ม ด้วยการออกประกาศฯตามมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงฯ โดยจะใช้งบของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) มาสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตเนื้อหา เพื่อพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทยไปสู่ตลาดโลก
4. การกำกับเนื้อหาและส่งเสริมรายการคุณภาพ โดยนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) มามอนิเตอร์ และตั้งคณะกรรมในการตรวจสอบ และประเมินคุณภาพรายการ รวมถึงการให้เรตติ้งสกอร์ กับผู้ประกอบการเพื่อมาลดค่าธรรมเนียมต่างๆ
5. ดำเนินการส่งเสริมสื่อท้องถิ่นและชุมชน ในการผลิตสื่อในภูมิภาค และ สถาบันการศึกษาต่างๆ และทำโครงการสื่อท้องถิ่น ด้วยงบยูโซ่ รวมถึงผลักดันให้เกิดโทรทัศน์ชุมชนในแพลตฟอร์มต่างๆ
น.ส.พิรงรอง กล่าวด้วยว่า โดยในส่วนของการส่งเสริมทีวีดิจิทัลก่อนใบอนุญาตหมดอายุในปี 2572 นั้น ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าการประมูลใบอนุญาตน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากฉากทัศน์ของอุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการแข่งขันจากสื่อทีวียุคใหม่ที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ (OTT) จากต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในส่วนของการส่งเสริมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น โดยจากที่ กสทช.ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล สมาคมโฆษณา ผู้ผลิตสมาร์ททีวี ขณะนี้กำลังศึกษาแนวทางการจัดทำต้นแบบแพลตฟอร์มสตรีมมิงแห่งชาติ (National Streaming Platform)
ขณะเดียวกัน เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงสำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ซึ่งการวางระบบแพลตฟอร์มกลางดังกล่าว จะช่วยให้คอนเทนต์สตรีมมิงของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลถูกรวบรวมไว้ในแพลตฟอร์มเดียว สะดวกและมีการวัดผลเป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับผู้ซื้อโฆษณาด้วย
“ข้อดีที่น่าจะเกิดขึ้นของการผนึกรวมข้อมูลทั้งเนื้อหารายการ โฆษณา และข้อมูลผู้บริโภคเอาไว้ด้วยกันบนแพลตฟอร์มกลาง คือการไหลเวียนของเงินโฆษณาจะอยู่ภายในประเทศ แทนที่จะไหลออกไปที่โกลบอล ดิจิทัล แพลตฟอร์ม (global digital platform) และผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์น่าจะได้ส่วนแบ่งรายได้ที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น จะได้นำรายได้มาพัฒนาเนื้อหาให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น” น.ส.พิรงรอง กล่าว
น.ส.พิรงรอง กล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายวิศวกรรมโทรทัศน์ของสำนักงาน กสทช. ได้ออกแบบแนวทางเบื้องต้นไว้แล้ว และกำลังหารือกับสมาคมทีวีดิจิทัล สมาคมโฆษณาธุรกิจ และจะมีการพูดคุยขอความร่วมมือจากผู้ผลิตทีวีรายใหญ่อย่างแอนดรอยด์ ทีวี, แอลจี, ซัมซุง ในการติดตั้งแอพพ์ของแพลตฟอร์มกลางนี้จากโรงงานให้ปรากฏบนรีโมตหรือแผงหน้าเครื่องรับโทรทัศน์เลย ซึ่งในวันที่ 5 กันยายนนี้ จะมีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอีกรอบหนึ่งด้วย
ขณะเดียวกัน ส่วนเรื่องการกำกับเนื้อหาและส่งเสริมรายการคุณภาพนั้น กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ยังมีโครงการส่งเสริมการกำกับเนื้อหาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และการมอนิเตอร์เนื้อหาผ่านระบบการสะสมโซเชียลเครดิต (social credit) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการที่ทำเนื้อหาที่ดี หรือไม่มีการละเมิดกฎหมายหรือเงื่อนไขใบอนุญาต และเป็นประโยชน์กับสังคมให้สามารถสะสมคะแนนได้อย่างเป็นระบบ และในแต่ละปีจะมีการประเมินเพื่อให้รางวัลซึ่งอาจเป็นการลดค่าธรรมเนียมหรือรางวัลในรูปแบบอื่นๆ เพื่อเป็นแรงจูงใจในการผลิตเนื้อหาที่ดี ไม่ใช่เน้นแค่ยอดผู้ชม
ทั้งนี้ กสทช. มีแนวทางการกำกับดูแลแพลตฟอร์มทีวีออนไลน์ (OTT) ว่าภายใต้ พ.ร.ฎ.ควบคุมดูแลการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 กสทช.มีขอบเขตอำนาจในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มทีวีออนไลน์ โดยมีแนวทางกำกับดูแลครอบคลุมการปกป้องเด็กและผู้บริโภค, ปิดกั้นภาพโป๊ เปลือย อนาจาร, อาหารและยาที่ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) และคุ้มครองข้อมูลของผู้บริโภคภายใต้หลักการของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)