วินาทีนี้ คงไม่มีใครไม่ติดตาม ประเด็นร้อน เงินดิจัทัลก่อนสงกรานต์ 2567 จะมาถึง
นั่นก็คือนโยบายที่วาดฝันที่ใช้หาเสียง ว่าด้วยประเด็น "เงินดิจิทัล 10000" หนึ่งในนโยบายสำคัญในการเลือกตั้งที่ผ่านมาของพรรคเพื่อไทยซึ่งกำลังถูกพูดถึงมากที่สุดเวลานี้คงต้องยกเครดิตให้กับ ทีมนโยบายเศรษฐกิจของพรรค โดยคีย์แมนคนสำคัญหนึ่งในนั้นก็คือ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคและโฆษกคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ควบตำแหน่ง "ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทย" อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นหนึ่งใน "นักนโยบายเศรษฐกิจ" ของพรรคอยู่ท่ามกลางขุนพลเศรษฐกิจที่มากประสบการณ์ของพรรค ไม่ว่าจะเป็น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายในรัฐบาลทักษิณ, ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ และดร.ปานปรีย์ มหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้าและที่ปรึกษานายกด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ เป็นต้น
เปิดประวัติคนดังในข่าว : เผ่าภูมิ โรจนสกุล
การศึกษา
ก้าวสู่เส้นทางการเมือง
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 89 ของพรรคเพื่อไทย จากประสบการณ์การทำงานที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หน่วยงานรัฐซึ่งถือว่าเป็น คลังสมองของประเทศ ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจในการจัดทำนโยบายแต่เนื่องจากการทำงานในหน่วยงานรัฐนั้นมีข้อจำกัดจึงตัดสินใจเบนเข็มเข้าสู่เส้นทางการเมือง เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ไว้ว่า
"...ระบบราชการของไทยยังมีปัญหาอยู่เยอะมาก ด้วยระบบราชการมีหลายลำดับชั้น ทำให้ผลักดันสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นได้ยากพอสมควร ล่าช้า และไม่ได้ตอบสนองในสิ่งที่เราอยากให้มันเป็น นโยบายที่เราคิด ทิศทางที่คิดไว้ ขับเคลื่อนได้ช้า"
เผ่าภูมิ ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยจากการเชิญชวนของ นายภูมิธรรม เวชยชัย หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของพรรคและเริ่มทำงานด้านการพัฒนา วิจัยและออกแบบนโยบาย ได้เป็น กรรมการและเลขานุการกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย
ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เขาคือคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ออกมาตอบโต้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประเด็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และความล้มเหลวของ พ.ร.ก. เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่เรียกว่า "กู้มาแจก" รวมไปถึงการวิพากษ์ ความล้มเหลวในการบริหารสถานการณ์โควิด-19
ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เขาทำหน้าที่สื่อสารกับสังคมในประเด็นต่าง ๆ รวมถึง Digital Wallet หรือ นโยบาย "เงินดิจิทัล 10,000 บาท"
"เผ่าภูมิ โรจนสกุล" ดอกเตอร์หนุ่ม 1 ใน 30 คน “เลือดใหม่” พรรคเพื่อไทย
ด้วยความมุ่งหวังจะใช้ความรู้และประสบการณ์ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์
เผ่าภูมิ โรจนสกุล “เลือดใหม่” พรรคเพื่อไทย เริ่มเข้ามาชิมลางงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทยได้ 3 ปี ทั้งในฐานะที่ปรึกษาเลขาธิการพรรค และเลขานุการคณะกรรมการนโยบายด้านคนรุ่นใหม่และเยาวชนของพรรคเพื่อไทย ด้วยความมุ่งหวังจะใช้ความรู้และประสบการณ์ทำงานการเมืองแบบสร้างสรรค์
สิ่งที่ทำให้ เผ่าภูมิ สนใจงานด้านการเมือง เริ่มจากในช่วงเรียนปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาเอกเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ การคลังสาธารณะ ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งสอนให้มองโลกกว้าง ในเชิงบริบท พลวัตของโลก การเคลื่อนตัวของระบบเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเรียนวิธีการกำหนดนโยบาย กำหนดโมเดล ทำให้ประเทศสามารถเดินหน้าสอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจ มีความก้าวหน้าและทำให้เกิดความมั่งคั่งในประเทศ จึงหวังจะเอาความรู้ที่มีมาช่วยผลักดันให้เกิดสิ่งเหล่านี้
หลังจากสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ได้สักระยะ เขากลับมารับราชการที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งเป็นที่ที่ได้ร่วมทำงานกับคนเก่งๆ แต่อีกด้านก็ยังมีข้อจำกัด คือ สิ่งที่คิดกับสิ่งที่ปฏิบัติบางครั้งก็ห่างไกลกัน เมื่อผ่านระบบขั้นตอนข้าราชการไปจนถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจ เลยหาทางว่ามีช่องทางอื่นที่ทำให้ช่องว่างระหว่างคนที่มีอำนาจตัดสินใจกับเราแคบกว่านี้ คำตอบนั้นก็คือการเมือง
เผ่าภูมิ เล่าอีกว่า
สาเหตุที่เลือกทำงานกับพรรคเพื่อไทย ประเด็นแรก เพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้มองปัญหาสั้นๆ หรือแก้ปัญหาอย่างไร้ทิศทาง แต่มองไกลเป็นสิบปีว่าอยากเห็นประเทศเดินมุ่งไปตรงไหนแล้วค่อยย้อนกลับมากำหนดนโยบายของพรรค นโยบายย่อยๆ ที่ทำมาในอดีตจึงสอดคล้องกับสิ่งที่มองไปสิบปีข้างหน้าตลอด อันนี้วิสัยทัศน์ของพรรค ซึ่งส่วนตัวเขาให้ความสำคัญกับเรื่องวิสัยทัศน์ในการทำงานมาก
ประเด็นที่สอง พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์การทำสิ่งดีๆ ให้กับประเทศเยอะมาก นโยบายที่คนไม่เคยคิดว่าจะสำเร็จ ก็ทำให้สำเร็จได้ มีคนที่มีความสามารถสูงมาร่วมทำงาน เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตเกิดประโยชน์จริงๆ รวมทั้งมีโครงสร้างที่เป็นระบบและเปิดรับความคิดใหม่
ประเด็นที่สาม พรรคเพื่อไทยมีจุดแข็งเรื่องประชาธิปไตยสูง เคารพหลักสิทธิเสรีภาพ เคารพทุกความเห็น ให้ความสำคัญกับทุกความเห็นเท่ากัน ยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ บรรยากาศในพรรคจึงเปิดกว้าง ไม่ได้เอาเกณฑ์วัยวุฒิ คุณวุฒิ รูปร่างหน้าตามาตัดสิน แต่ดูที่ความคิด มีการถกเถียงเปิดให้ทุกฝ่าย หาคำตอบที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ระบบยังปิด การเมืองจึงทำอะไรที่ทำได้เพียงแค่การพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งหากระบบเปิดการเมืองคงเป็นอะไรที่ท้าทายและสนุกมาก
ครั้งหนึ่ง "เผ่าภูมิ" ได้เคยชี้แจงนโบายนี้เอาไว้ว่า
"..การกระตุ้นครั้งใหญ่ต้องเกิดขึ้นเพื่อปลุกชีวิตของประเทศขึ้นมา เราปลุกเศรษฐกิจของประเทศขึ้นมาระดับหนึ่งจากที่อยู่ไอซียู และวันนี้เราจะปลุกแรง - ปลุกด้วยเงิน 500,000 กว่าล้านบาทที่ไม่ใช่แค่ปลุกให้ฟื้นเฉย ๆ เราปลุกเสร็จ เราจะทำกายภาพบำบัด เราจะพาคนไทยวิ่งเพราะทางพรรคเตรียมโครงการไว้เยอะ.."