เจมส์ คาเมรอน เคลื่อนไหวแล้ว กรณี "เรือไททัน" จมเหมือน "เรือไททานิค"
สนั่นโลกออนไลน์ ล่าสุด เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดคนดัง เผยว่า กรณี "เรือไททัน" จมคล้ายๆกับกรณีการล่มของ "เรือไททานิค" ระบุชัดเพราะเหตุผลนี้ ทำเอาแฟนข่าวแทบรับไม่ได้ทีเดียว กับการสูญเสียงในครั้งนี้
จากกรณีข่าวเศร้าสนั่นโลก "เรือดำน้ำไททัน" ลงไปสำรวจซากเรือไททานิค และสูญหายก่อนพบว่า เรือดำน้ำลำนี้ระเบิด ยืนยันการเสียชีวิตของลูกเรือทั้งหมด จากเหตุการณ์ดังกล่าว ด้าน "เจมส์ คาเมรอน" ผู้กำกับภาพยนตร์ฮอลลีวูด "ไททานิค" ในปี ค.ศ.1997 ได้เผยกับสำนักข่าวชื่อดัง BBC ว่า
เขาเคยลงไปดำน้ำเพื่อสำรวจซากเรือไททานิคถึง 33 ครั้งด้วยกัน ซึ่งเหตุการณ์ เรือดำน้ำไทนั้น ตัวเขาเองก็รู้สึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ผมได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเกี่ยวกับเรื่องการสำรวจทางเรือดำน้ำทันที ที่รู้ข่าวว่าสัญญาณของเรือดำน้ำไททันหายไปใต้น้ำลึกกว่า 3,500 เมตร และสิ่งแรกที่ผมคิดหลังจากที่สัญญาณหายไปทันทีคือ "การระเบิด" จากภายนอกสู่ภายในหรือ อิมโพลชัน (Implosion)
เจมส์ คาเมรอน ยังเผยอีกว่า
ความคล้ายคลึงกันของโศกนาฏกรรมทั้ง 2 คือ ไททานิค และการจมสูญหายของเรือดำน้ำไททัน เป็นในเรื่องของการที่กัปตันเรือถูกเตือนเรื่องภูเขาน้ำแข็งซ้ำ ๆ แต่ก็ยังที่จะแล่นเรือพุ่งเข้าไปจนเกิดโศกนาฏกรรม
เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับรางวัลออสการ์ เจ้าของรางวัลออสการ์ กล่าวถึง โศกนาฏกรรมเรือไททัน ที่คร่าชีวิตผู้โดยสาร 4 คนและกัปตัน ว่าคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือไททานิค
คาเมรอน ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า เขาเป็นนักออกแบบใต้น้ำด้วยตัวเอง และเขาเข้าใจถึงความท้าทายในการสร้างความปลอดภัยในการทำงานของยานดังกล่าว ให้ประสบความสำเร็จและปกป้องการปฏิบัติการดำน้ำใต้ทะเลโดยรวม
“มันสำคัญมากที่ผู้คนจะได้รับข้อความย้ำเตือนว่าการดำน้ำลึกเป็นศิลปะสำหรับผู้ใหญ่” คาเมรอนกล่าว
“บันทึกความปลอดภัยเป็นมาตรฐานทองคำ ไม่เพียงแต่ป้องกันการเสียชีวิตเท่านั้น แต่ต้องไม่มีการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย … แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับไททันคือฝันร้ายที่เราเคยอยู่ด้วย เราอยู่กับมันในความคิดของเราเสมอ"
คาเมรอน เปิดให้สัมภาษณ์กับ เอบีซีนิวส์ เมื่อวันพฤหัสบดีว่า
“หลายคนในกลุ่มกังวลเกี่ยวกับธุรกิจนี้ และถึงกับเขียนจดหมายถึงบริษัทโดยบอกว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเสี่ยงเกินไป และสิ่งที่พวกเขาทำจำเป็นต้องได้รับการรับรอง”
“ผมรู้สึกแปลกใจกับความคล้ายคลึงของหายนะของเรือไททานิค ที่กัปตันได้รับคำเตือนซ้ำๆ เกี่ยวกับน้ำแข็งที่อยู่ข้างหน้าเรือของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็แล่นด้วยความเร็วเต็มที่เข้าไปในทุ่งน้ำแข็งในคืนเดือนมืดและหลายคนเสียชีวิตในผลที่ตามมา มันเป็นโศกนาฏกรรมที่คล้ายกันมาก มันน่าแปลกใจและเหนือจริงมาก”
คาเมรอน เสริมอีกว่า
เขาสนิทกับหนึ่งในผู้โดยสารไททันเป็นการส่วนตัว “Paul-Henri Nargeolet นักบินชาวฝรั่งเศสในตำนานเป็นเพื่อนของผม” Cameron กล่าว “มันเป็นชุมชนเล็กๆ ผมรู้จักเขามา 25 ปีแล้ว สำหรับเขาที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในลักษณะนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำอะไรต่อ”
เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับรางวัลออสการ์ เจ้าของรางวัลออสการ์ กล่าวถึงโศกนาฏกรรมเรือไททันที่คร่าชีวิตผู้โดยสาร 4 คนและกัปตัน ว่าคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือไททานิค
"เจมส์ คาเมรอน" ผู้กำกับไททานิค เเละนักสำรวจทะเล เปิดประสบการณ์เคยเฉียดตายกับทริปสำรวจซากเรือไททานิก หลังเกิดโศกนาฏกรรมใต้น้ำ “เรือดำน้ำไททันระเบิด”
“ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอย่างแน่นอน” เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดนิยมเรื่อง “Titanic” ในปี 1997 กล่าวถึง ข่าวการระเบิดของ "เรือดำน้ำไททัน" ที่มีผู้โดยสาร 5 คนบนเรือดำน้ำดำลงไปเพื่อชมเรือไททานิคบนพื้นมหาสมุทรเสียชีวิตใน การระเบิดครั้งร้ายแรงซึ่งถือเป็น โศกนาฏกรรมใต้น้ำ ได้รับการยืนยันจากทางการเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นการดำเนินการค้นหาระหว่างประเทศที่ไม่ธรรมดา ใช้เวลา 5 วัน ใกล้กับซากเรืออับปางที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
คาเมรอน บอกอีกว่าการระเบิดของเรือดำน้ำไททันครั้งนี้ มีความคล้ายคลึงกันของหายนะเรือไททานิค ตรงที่กัปตันได้รับคำเตือนซ้ำๆ เกี่ยวกับน้ำแข็งที่อยู่ข้างหน้าเรือแต่ก็ยังแล่นด้วยความเร็วเต็มพิกัดเข้าไปในทุ่งน้ำแข็ง
คาเมรอน ผู้กำกับหนัง 11 รางวัลออสการ์ ไม่ใช่แค่ผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด แต่เขาเป็นคนรักการสำรวจใต้ทะเลลึกและยังเคยได้รับการบันทึกว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่ใช้เรือดำน้ำลงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของโลกใต้ท้องทะเลมาแล้ว
เส้นทางเหล่านั้นได้สะท้อนออกมาจาก 2 ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา “Avatar” และ “Titanic” ซึ่งมีฉากใต้น้ำชวนตื่นตาตื่นใจ
เจมส์ คาเมรอน เคยเล่าครั้งหนึ่งใจความระว่า
ได้ดำดิ่งผ่านระดับความลึกของซากเรือไททานิคไปสู่ความลึกระดับ 27,000 ฟุต ซึ่งถือว่าลึกที่สุดเท่าที่เคยดำน้ำลงมา เเม้ว่าอีก 9 พันฟุตจะถึงพื้นก้นมหาสมุทรก็ตาม ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวที่เชื่อมโยงกับบทสัมภาษณ์ว่าเขาเคยติดอยู่ใต้ท้องทะเลลึกนาน 16 ชั่วโมง มีกระแสน้ำไหลลงมาเเละกักพวกเขาไว้ที่ท้ายเรือไททานิค (อ่านบทสัมภาษณ์ คลิก )
คาเมรอน ถือเป็นนักสำรวจทะเลลึกมากประสบการณ์ ซึ่งในปี 2555 ได้ดำดิ่งสู่ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ซึ่งถือเป็นจุดที่ลึกที่สุดจุดหนึ่งในมหาสมุทรของโลก ลึกเกือบ 7 ไมล์ใต้ผิวน้ำ ด้วยยานดำน้ำลึก 24 ฟุตที่เรียกว่า Deepsea Challenger ซึ่งก็คือ การเดินทางในมหาสมุทรลึกครั้งที่คาเมรอนเป็นผู้นำ ทีมวิศวกรของเขาใช้เวลา 7 ปี ในการสร้างเรือดำน้ำไร้คนขับที่ไม่เหมือนใคร สามารถดำน้ำลึกที่สุดในมหาสมุทรได้ ในเดือนมีนาคม ปี 2555 เขาขับเรือดำน้ำ (DEEP SEA CHALLENGER ) การเดินทางประกอบด้วยพันธมิตรด้านวิทยาศาสตร์จำนวนมาก
เมื่อพูดถึงการดำดิ่งใต้ทะเลลึกไปยังสถานที่เรือไททานิค คาเมรอนบอกว่า ที่นี่คือ สิ่งล่อใจ เป็นเหตุผลที่ผู้คนต้องการไปสัมผัสด้วยตัวเอง รู้สึก จดจำประวัติศาสตร์ แต่การจดจำประวัติศาสตร์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เหตุการณ์นี้คือกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนที่ต้องนำมาเป็นบทเรียน
"สต็อคตัน รัซ" CEO โอเชียนเกต 1 ใน 5 ผู้สูญหาย เคยให้สัมภาษณ์ ใช้จอยสติ๊กแบบเดียวกับที่เล่นเกม ควบคุม "เรือดำน้ำไททัน"
เป็นข่าวที่หลายคนจับตากันทั่วโลก กับข่าวการหายสาบสูญไปของ "เรือดำน้ำไททัน" ของ บริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชั่น ที่หายสาบสูญไปพร้อมลูกเรือ 5 คน ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. 2566 ระหว่างลงไปทัวร์ชมซากเรือไททานิค โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ยานพาหนะควบคุมระยะไกล (ROV) พบเศษชิ้นส่วนเรือดำน้ำไททัน บริเวณก้นทะเลใกล้ซากเรือไททานิค
ความคืบหน้าล่าสุด ช่วงเช้ามืดวันศุกร์ (23 มิ.ย. 2566) ตามเวลาไทย พลเรือตรี จอห์น มอเกอร์ แห่งหน่วยยามฝั่งสหรัฐ แถลงการณ์ว่า ชิ้นส่วนที่พบจำนวน 5 ชิ้น เป็นชิ้นส่วนของเรือดำน้ำไททัน คาดว่าเกิดจากการระเบิดและผู้อยู่บนเรือทั้ง 5 คนเสียชีวิตแล้ว โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าเหตุระเบิดเกิดขึ้นเมื่อใดหรือจากสาเหตุใด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการค้นหาต่อไปเพื่อความกระจ่าง แต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าจะสามารถกู้ร่างของผู้เสียชีวิตได้หรือไม่
รายงานล่าสุด ทางด้าน บริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชั่น ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ผู้โดยสารพร้อมคนบังคับเรือ รวม 5 ชีวิต ได้เสียชีวิตทั้งหมดแล้ว
เป็นข่าวที่หลายคนจับตากันทั่วโลก กับข่าวการหายสาบสูญไปของ "เรือดำน้ำไททัน" ของ บริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พิดิชั่น ที่หายสาบสูญไปพร้อมลูกเรือ 5 คน ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. 2566 ระหว่างลงไปทัวร์ชมซากเรือไททานิค โดยก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ยานพาหนะควบคุมระยะไกล (ROV) พบเศษชิ้นส่วนเรือไททัน บริเวณก้นทะเลใกล้ซากเรือไททานิค
มีการย้อนคลิปสัมภาษณ์ของ "สต็อคตัน รัซ" CEO โอเชียนเกต ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ผู้สูญหายที่อยู่บนเรือดำน้ำไททัน เคยเล่าถึงระบบการทำงานและการควบคุมง่ายๆ โดยระบุว่า
"เราออกแบบการควบคุมแบบง่ายๆ นี้ด้วยตัวควบคุมเกม หรือ จอยสติ๊กคอนโทรลเลอร์ ดังนั้นถ้าคุณต้องการไปข้างหน้าให้คุณกดไปข้างหน้า ถ้าคุณอยากถอยหลังก็กดถอยหลัง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ขึ้น-ลง ผ่านระบบบลูทูธ มันทนทาน และเรามีสำรองหลายชิ้น และคุณสามารถส่งต่อให้ใครก็ได้"
ชิ้นส่วนภายในเรือบางชิ้นเป็นส่วนประกอบที่หาซื้อไม่ได้ทั่วไป โดยใช้ไฟภายในที่ซื้อมาจากบริษัท CamperWorld ซึ่งเป็นบริษัทยานยนต์
ทางด้าน David Pogue ผู้สื่อข่าวจากสื่อ CBS ของสหรัฐฯ รายงานว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรือดำน้ำไททันหายไป โดยเมื่อฤดูร้อนที่แล้วเรือดำน้ำได้ขาดการสื่อสารไปหลายชั่วโมง
ผ่าสเปคเรือดำน้ำไททัน หลังจมหายในทริปชมซากไททานิค
จากการเปิดเผยของ บริษัทโอเชียนเกต เอ็กซ์พีดิชันส์ (OceanGate Expeditions) ระบุไว้ว่า เรือดำน้ำไททัน เป็นเรือดำน้ำขนาดเล็กประเภท submersible ซึ่งมีข้อจำกัดหลายประการ ไม่ได้มีระบบขับเคลื่อนแบบอิสระเหมือนเรือดำน้ำขนาดใหญ่ (submarine) สามารถใช้ความเร็ว 3 น็อต (5.56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ขณะอยู่ในน้ำ
ตัวเรือสร้างจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และไทเทเนียม ขับเคลื่อนด้วย 4 เครื่องยนต์ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ติดตาม โซนาร์ และอุปกรณ์ระบุพิกัด
ส่วนขนาดของเรือดำน้ำไททัน สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 5 คน ตามข้อมูลของทางบริษัทฯ มีน้ำหนักโดยรวม 10,432 กิโลกรัม ความยาวลำเรือ 6.7 เมตร (22 ฟุต)
สามารถดำลงใต้ทะเลลึกสุด 13,123 ฟุต หรือราวๆ 4,000 เมตร (4 กิโลเมตรนั่นเอง)
กลไกรับมือมาตรการฉุกเฉินภายในเรือ
เรือดำน้ำขนาดเล็กนี้ (submersible) บางสื่อเรียกว่า "ยานดำน้ำ" เพราะมันแตกต่างจากเรือดำน้ำทั่วไป(submarine)
องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ ระบุว่า เรือดำน้ำ(submarine)สามารถเคลื่อนตัวสู่มหาสมุทรได้ด้วยตนเองจากท่าเรือ แต่ “ยานดำน้ำ”อย่างไททันนั้น มีพลังงานจำกัด ทำให้ต้องใช้เรือแม่เพื่อปล่อยยานลงน้ำและเก็บกู้ขึ้นมาและลากเข้าสู่ฝั่ง
เมื่อปีที่แล้ว เดวิด โปกิว ผู้สื่อข่าวจากสถานีข่าวซีบีเอส ได้เข้าร่วมในการเดินทางของโอเชียนเกต เพื่อไปสำรวจและชมซากเรือไททานิคด้วยเรือดำน้ำไททัน เขาได้รับแจ้งจากทางบริษัทว่า เรือไททัน มีระบบความปลอดภัย 7 อย่าง ที่จะช่วยให้กลับขึ้นสู่ผิวทะเลได้ ซึ่ง ระบบความปลอดภัยเพื่อการนำยานขึ้นสู่ผิวทะเล 7 อย่าง ที่ว่านี้ ได้แก่
การทิ้งน้ำหนัก: เรือไททันสามารถปลดทิ้งท่อตะกั่ว 3 ท่อ ด้วยระบบไฮดรอลิก เพื่อทำให้ยานหรือตัวเรือลอยตัวขึ้นได้
ทิ้งน้ำหนักแบบกลิ้ง: หากระบบไฮดรอลิกไม่ทำงาน ลูกเรือและผู้โดยสารในเรือดำน้ำสามารถพลิกตัวเรือได้ ด้วยการเคลื่อนตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อกลิ้งเรือดำน้ำไปอีกด้าน จนทำให้ท่อถ่วงน้ำหนักถูกปลดออกเอง ด้วยแรงโน้มถ่วง
ถุงอับเฉา: สามารถใช้มอเตอร์เพื่อปลดทิ้งถุงบรรจุกเหล็ก ที่แขวนอยู่ใต้เรือดำน้ำได้
สลัก: สลักที่จะละลายในน้ำทะเล หลังเวลาผ่านไป 16 ชั่วโมง ทำให้ถุงอับเฉาถูกปลดออกมาโดยอัตโนมัติ ในกรณีที่ระบบไฟฟ้าและไฮดรอลิกล้มเหลว
เครื่องยนต์: ส่งแรงดันทำให้เรือขึ้นสู่ผิวน้ำได้
ขาเรือดำน้ำ: ผู้บังคับเรือสามารถปลดปล่อยขาเรือดำน้ำเพื่อทิ้งน้ำหนัก และนำเรือลอยสู่ผิวน้ำได้
ถุงอากาศ: ลูกเรือสามารถเป่าอากาศใส่ถุงอากาศด้านนอก เพื่อทำให้เรือลอยตัวขึ้นมาได้
ผู้เชี่ยวชาญเรือดำน้ำกล่าวว่า
หากเป็นเรือดำน้ำทางทหารทั่วไป มาตรการแรกหากเผชิญเหตุฉุกเฉินคือ "ขึ้นสู่ผิวน้ำฉุกเฉิน" ซึ่งมีหลายวิธีการ อาทิ ปล่อยน้ำหนักถ่วงฉุกเฉิน อัดอากาศไล่น้ำในตัวถังออก ไปจนถึงกระสวย (pod) ฉุกเฉินในกรณีเรือดำน้ำไม่สามารถลอยตัวขึ้นมาได้ แต่หากเป็นยานขนาดเล็กแบบเรือดำน้ำไททัน ทางเลือกที่จะทำได้ก็น่าจะจำกัดน้อยลงไปอีก
เผยเหตุระเบิดภายในเรือดำน้ำไททัน ทั้งเร็ว-รุนแรง ซ้ำด้วยแรงดันน้ำมหาศาล
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเผย การระเบิดที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุการจบชีวิตของคนใน "เรือดำน้ำไททัน" ขณะดำลงเพื่อชมซากเรือไททานิค น่าจะเป็นการระเบิดที่เกิดจากข้อบกพร่องในตัวเรือ ซ้ำเติมด้วยแรงดันน้ำมากกว่าระดับปกติถึง 400 เท่า
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าว โศกนาฏกรรมเรือไททันระเบิดใต้น้ำ จากเมืองบอสตัน มลรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา วันนี้ (23 มิ.ย.) อ้างอิงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญว่า ที่ระดับน้ำทะเลความดันบรรยากาศอยู่ที่ 14.7 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว แต่เมื่อลึกไปถึงตำแหน่งที่ ซากเรือไททานิค นอนจมอยู่ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติคเหนือ หรือที่ระดับความลึกราว 3,800 เมตรนั้น จะมี แรงดันน้ำ มากกว่าระดับปกติถึง 400 เท่า หรือเกือบ 6,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
จากเหตุที่พบซากเรือดำน้ำไททันกระจัดกระจายเป็นชิ้น ๆ ใกล้บริเวณที่ซากเรือยักษ์ไททานิคจมอยู่ คาดว่าจะเกิดการระเบิดภายในที่เกิดจากข้อบกพร่องในตัวเรือหรือด้วยเหตุผลอื่น ซึ่งในสถานการณ์เช่นนั้น เรือดำน้ำจะยุบตัวในเสี้ยววินาที เนื่องจากถูกแรงดันน้ำมหาศาลภายนอกห้องผู้โดยสาร กดอัดเข้ากับตัวเรือและเกิดการระเบิด ซึ่งผู้ที่อยู่ในห้องปรับความดันอาจเสียชีวิตได้ในทันที
ศาสตราจารย์ รอเดอริก สมิธ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน กล่าวให้ความเห็นว่า อุบัติเหตุดังกล่าวน่าจะเกิดจาก “ปัญหาของตัวเรือดำน้ำที่รักษาความดัน” กระนั้น เศษชิ้นส่วนของเรือจะต้องถูกเก็บกู้เพื่อดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบต่อไป แม้ว่าความรุนแรงของการระเบิดจะทำให้การระบุลำดับเหตุการณ์และสาเหตุที่แท้จริง เป็นเรื่องที่ยากมากก็ตาม
ทั้งนี้ เรือดำน้ำไททัน ซึ่งสร้างโดย บริษัท โอเชียนเกต เอ็กซ์พีดิชันส์ ได้รับการออกแบบให้ทนรับแรงดันน้ำที่ระดับความลึกของซากเรือไททานิค (3,800 เมตร) แต่มาตรการด้านความปลอดภัยของเรือลำนี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาตั้งคำถาม เนื่องจากก่อนหน้านี้ ในคดีที่เกี่ยวข้องกับนายเดวิด ลอคริดจ์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางทะเลของบริษัท โอเชียนเกตฯ ซึ่งถูกไล่ออกเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ปี 2561) เขาเคยออกมากล่าวเตือนเกี่ยวกับตัวเรือที่สร้างจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ว่า “เป็นการทดลอง ที่ยังไม่ได้รับการทดสอบ” และขอให้บริษัทตรวจสอบความปลอดภัยของเรือดำน้ำเพิ่มเติม
แต่แทนที่บริษัทฯ จะทำตามคำขอของนายลอคริดจ์ บริษัทโอเชียนเกตฯ ได้ฟ้องร้องเขา ฐานที่ออกมาเปิดเผยความลับของบริษัท ขณะที่นายลอคริดจ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา และอ้างว่าคดีของโอเชียนเกตฯ เป็นความพยายามที่จะกีดกัน ผู้แจ้งเบาะแสไม่ให้แจ้งปัญหาด้านการควบคุมคุณภาพและความกังวลด้านความปลอดภัยที่คุกคามความปลอดภัยของผู้โดยสารผู้บริสุทธิ์
อย่างไรก็ตาม ต่อมาทั้งสองฝ่ายยอมตกลงคดีความกันได้
นอกจากนี้ โอเชียนเกตฯ ยังเคยได้รับจดหมายจากนายวิลล์ โคห์เน็น ประธานคณะกรรมการตรวจสอบเรือดำน้ำแบบมีคนขับของสมาคมเทคโนโลยีทางทะเล ลงวันที่ 27 มี.ค. 2561 แสดงความกังวลโดยตรงถึงนายสต็อกตัน รัช ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโอเชียนเกตฯ (ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือไททันระเบิด)
เนื้อหาในจดหมายระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับเรือดำน้ำไททัน เนื่องจากปัญหาไม่ได้เกิดจากข้อบกพร่องด้านการออกแบบเพียงข้อเดียว อย่างไรก็ตาม เป็นอีกครั้งที่ผู้บริหารโอเชียนเกตฯ เลือกที่จะไม่ดำเนินการตามกระบวนการรับรองที่เป็นที่ยอมรับของอุตสาหกรรมสำหรับการออกแบบ การผลิต และการทดสอบเรือดำน้ำ
ทั้งนี้ เมื่อโศกนาฏกรรมเรือดำน้ำไททันระเบิดใต้น้ำได้รับการยืนยัน นายวิลล์ โคห์เน็น ในนามสมาคมเทคโนโลยีทางทะเล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อซีเอ็นเอ็นว่า โอเชียนเกตฯ ไม่ได้ทำตามบรรทัดฐานของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางทะเลมาตั้งแต่แรก เนื่องจากบริษัทปฏิเสธนำเรือไททัน (Titan) เข้ารับการตรวจสอบความปลอดภัยที่เข้มงวดโดยสมัครใจ
พร้อมกันนี้ ยังระบุด้วยว่า ในโลกนี้มีเรือดำน้ำอยู่ 10 ลำ ที่สามารถดำน้ำได้ลึกกว่า 12,000 ฟุต (กว่า 3,658 เมตร) ทุกลำได้รับการรับรอง ยกเว้นเรือดำน้ำไททันของโอเชียนเกตฯ
เรื่องนี้ โอเชียนเกตฯ เคยให้คำอธิบายผ่านบทความที่เผยแพร่เมื่อปี 2019 ชี้แจงว่า สาเหตุที่ไม่นำเรือไททันไปเข้ารับการตรวจสอบจากองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อขอใบรับรองความปลอดภัย เนื่องจากเล็งเห็นว่า การจัดมาตรฐานดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยได้ เพราะไม่ได้ประเมินปัจจัยที่จะเกิดขึ้นระหว่างการใช้งานจริง
นอกจากนี้ บริษัทยังนำเรือไททันลงสำรวจและนำผู้โดยสารทัวร์ชมซากเรือไททานิคที่จมอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติคมาหลายรอบแล้ว เพียงแต่ในปีนี้ (2023) การนำเรือไททันลงดำชมซากเรือไททานิคที่เกิดโศกนาฏกรรมไม่คาดฝันครั้งล่าสุด ถือเป็นทริปแรกของปี...และเป็นทริปสุดท้ายของเรือไททัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>
เสี้ยววินาทีเป็น-ตาย ทั้ง 5 คนในเรือดำน้ำไม่ทันรู้ตัว
