
ดร.โมเล่ พูดถึงชะตากรรมของทั้ง 5 คน ที่ลงไปดูซากเรือไททานิก ว่า "มีลมหายใจอยู่แค่หนึ่งในพันของวินาที ก่อนเสียชีวิต" เพราะการระเบิดของเรือดำน้ำน่าจะเกิดขึ้นทันที จนผู้ที่อยู่ในเรือไม่ล่วงรู้ถึงปัญหาและไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา มันเกิดขึ้นรวดเร็วและไม่เจ็บปวด
"'มันเหมือนอยู่ที่นี่หนึ่งนาที (minute) แล้วสวิตช์ก็ปิด คุณมีชีวิตอยู่ได้หนึ่งมิลลิวินาที (millisecond) อีกมิลลิวินาทีถัดไป คุณก็ตายแล้ว"
พวกเขาอยู่ต่ำกว่าผิวมหาสมุทรเกิน 2 ไมล์ ทำให้เกิดแรงดันมากกว่า 5,500 ปอนด์ (เกือบ 2,500 กิโลกรัม) ต่อตารางนิ้ว (pounds per square - PSI)
ลูกเรือทั้่งหมดได้รับการปกป้องด้วยห้องแรงดัน (pressure chamber) ซึ่งเป็นห้องปิดผนึกที่กักเก็บแรงดันภายในไว้สูงกว่าแรงดันบรรยากาศ มีระบบก๊าซอัดแรงดันเพื่อควบคุมแรงดันภายใน และก๊าซหายใจสำหรับลูกเรือ
โมเล่ บอกว่า ตัวเรือต้านทานแรงกด (pressure hull) ที่ส่วนที่อยู่ของลูกเรือ ดูเหมือนว่ามันเกิดการระเบิดตอนที่พวกเขาลงไปถึงก้นทะเลพอดี โดยเป็นไปได้ที่ "คาร์บอน ไฟเบอร์" (carbon fiber) ที่หุ้มอยู่จะหลุด จึงเกิดการระเบิดขึ้น
ในเบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุที่ "ห้องความดันเสียหาย" แต่โมเล่บอกว่า การระเบิดแบบ implosion ที่เกิดกับเรือดำน้ำไททัน อาจมีสาเหตุมาจากการรั่วไหลของแรงดัน ไฟฟ้าขัดข้อง หรือเกิดไฟไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจร และสิ่งที่ตามมา คือ การระเบิดที่รุนแรงที่เกิดขึ้นทันที เมื่อน้ำแรงดันสูงที่อยู่ด้านนอกไหลทะลักเข้าไป ทำให้ฝาครอบด้านหลัง (rear cover) กับโครงลงจอด (landing frame) หลุดออก และฉีกตัวถังย่อยออกจากกัน บดขยี้สิ่งที่อยู่ข้างใน รวมทั้งลูกเรือที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
โมเล่ เปรียบเทียบว่า การระเบิดแบบ explosion เหมือนการเป่าลูกโป่ง เมื่อแรงดันเข้าไปในลูกโป่งมากเกินไปทำให้ลูกโป่งแตกในที่สุด แต่การระเบิดแบบ implosion มีลักษณะตรงกันข้าม คือ แรงดันจากภายนอกมีมากกว่าภาชนะที่จะต้านทานทานได้ ทำให้ภายในยุบตัวลงและระเบิด เหมือนตอนเหยียบบนกระป๋องเปล่าจากด้านข้างกระป๋อง