อาลัย!! ผู้สมัคร ส.ส.พรรคดัง ศรีสะเกษ เขต 7 เสียชีวิตกะทันหัน ยังไม่ทันได้หาเสียง

ผู้สมัคร ส.ส. ศรีสะเกษ เขต 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ เสียชีวิตกะทันหัน

จากกรณีมีรายงานข่าวเศร้า หลังจากที่ภรรยาและญาติพี่น้องนำศพของ นายอำไพ เพ็งแจ่ม ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 หมายเลข 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 7 เม.ย.66 ที่รพ.ศรีสะเกษ จากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคเบาหวาน มาตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ร้านมัสเจริญ ต.สำโรงปราสาท อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เป็นวันแรก

 ทั้งนี้ ภรรยาเผยว่า

สามีตรวจพบว่า ติดเชื้อมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมีโรคประจำตัวคือเบาหวาน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ก็ได้ขออนุญาตคุณหมอ ออกมาสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ศรีสะเกษ เขตเลือกตั้งที่ 7 สังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้หมายเลข 7 เป็นเลขดีด้วย หลังจากนั้นไม่นานักอาการของสามีก็ไม่ดีขึ้น แต่ทว่ากลับมีอาการทรุดลงเรื่อยๆ

จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 7 เม.ย. 2566 สามี นายอำไพ เพ็งแจ่ม ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 หมายเลข 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จากทุกคนไปด้วยอาการสงบ ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและบุคคลใกล้ชิด สนิทสนมที่ทราบข่าวร้ายในครั้งนี้ 

ความคืบหน้าล่าสุด ที่ร้านมัสเจริญ จ.ศรีสะเกษ ทางด้านภรรยาและบรรดาญาติพี่น้องได้นำศพของ นายอำไพ เพ็งแจ่ม ผู้สมัคร ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 หมายเลข 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเสียชีวิตลงเมื่อช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ของเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ รพ.ศรีสะเกษ มาตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นวันแรก

โดยล่าสุดมีการกางเต็นท์ตั้งศพไว้ด้านข้างของบ้าน ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง มีบรรดาญาติพี่น้อง และชาวบ้านขอนแต้ ต่างพากันเดินทางมาร่วมเคารพศพอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าโศกเสียใจ เพราะว่า นายอำไพ เป็นผู้ที่ชอบให้ความช่วยเหลือ และดูแลชาวบ้านขอนแต้ทุกคนเป็นอย่างดียิ่ง ทำให้ชาวบ้านทุกคนรักใคร่นายอำไพเป็นอย่างมาก ขณะที่ "เจ๊เพ็ญ" ภรรยาของนายอำไพ ได้คอยให้การต้อนรับบรรดาแขก ที่มาร่วมพิธีศพด้วยอาการโศกเศร้า ขณะที่ลูกสาว ซึ่งทราบว่าเป็นเพียง น.ร.ชั้น ป.5 คอยเดินมาให้กำลังใจคุณแม่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คลายจากอาการเศร้าโศกเสียใจได้บ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางกรรณิกา ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของ นายอำไพ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่นายอำไพ จะเสียชีวิตนั้นได้มีอาการปวดที่ต้นคอแล้วปวดร้าวลงไปที่หลัง ซึ่งในตอนนั้น นายอำไพ คิดว่าเป็นกระดูกทับเส้นประสาท จึงได้ไปรักษาตัวที่คลินิกแห่งหนึ่ง จากนั้นมีอาการหนักขึ้น จึงได้ไปเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 66 ที่ผ่านมา รักษาตัวนาน 10 วัน อาการค่อยยังชั่วแล้ว จงบจนวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา จึงได้ออกจาก รพ.ศรีสะเกษ และล่าสุด เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมานี่เอง นายอำไพ ได้เดินทางไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กับกลุ่มผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ

ต่อมาช่วงประมาณวันที่ 5 เมษายน 2566 อาการป่วยได้หนักขึ้น เจ๊เพ็ญ ซึ่งเป็นภรรยานายอำไพ กับญาติพี่น้อง ได้นำตัวนายอำไพ ส่งไปยัง รพ.ศรีสะเกษ แต่ว่า อาการป่วยหนักมาก มีอาการบวมตามร่างกาย และนายอำไพได้เสียชีวิต โดยก่อนที่นายอำไพ จะเสียชีวิต ได้เลือกโลงศพนี้ ด้วยตนเอง พร้อมทั้งได้ทำพินัยกรรมเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย

ขณะที่ ทางด้าน "นายศิวเขฐร" น้องชายของนายอำไพ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า

พี่ชายของตนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคเบาหวาน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายอำไพ ป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่ก่อนแล้ว และต่อมาได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย ความคืบหน้าในการทำพิธีศพ ทางครอบครัวและญาติพี่น้อง กำหนดจะตั้งศพนายอำไพบำเพ็ญกุศล 3 วัน จากนั้นจะประกอบพิธีฌาปนกิจในวันที่ 10 เมษายน ที่เมรุลอย ซึ่งจะนำเอามาตั้งในบริเวณใกล้บ้านแห่งนี้

นายอำไพ เพ็งแจ่ม เป็นผู้ที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 ได้หมายเลขประจำตัวหมายเลข 7 และเสียชีวิตในวันที่ 7 เมษายน ยังไม่ได้เริ่มหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 7 แต่อย่างใด ทำให้ตนและญาติพี่น้องเศร้าเสียใจต่อการจากไปอย่างกะทันหันของนายอำไพ เป็นอย่างมาก

ผู้สื่อข่าวรายงาน ภาพรวมคร่าวๆ ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 2566 จังหวัดศรีสะเกษ สรุปมีผู้สมัครผู้แทนราษฎร ทั้ง 9 เขต จำนวน 97 คน เสียชีวิต 1 คน คือผู้สมัครเขตที่ 7 พรรครวมไทยสร้างชาติ ขณะที่ญาติยังคงโศกเศร้า ยังไม่ได้ออกหาเสียงต้องหามส่งโรงพยาบาล ผลปรากฎเสียชีวิจจากโรคมะเร็งระยะสุดท้าย

โดยภาพรวมของการรับสมัครผู้แทนราษฎรในจังหวัดศรีสะเกษ มีผู้สมัครทั้งสิ้น 9 เขต จำนวน 97 คน เสียชีวิต 1 คน คงเหลือผู้สมัคร 96 คน โดยในวันที่ 12 เมษายน 2566 กกต.จังหวัดศรีสะเกษ ได้เชิญบรรดาผู้สมัครทั้งหมดทุกคน มารับฟังคำชี้แจงในการหาเสียงในการปฎิบัติตนอย่างไร เพื่อให้ผู้สมัครทุกคนได้ต่อสู้กันบนสนามเลือกตั้ง เป็นผู้แทนราษฎรของพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่มีข้อร้องเรียน ไม่ฟ้องร้องกันตามมาภายหลัง 
 

ขอขอบคุณที่มา: Thainews