สภาพอากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า เตือนภาคใต้ เตรียมรับมือฝนฟ้าคะนอง ทะเลมีคลื่นสูง
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
รายงานสภาพอากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน เตือนภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) รับมือฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณ จ. นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อ่าวไทยทะเลคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะที่มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์น้อยถึงปานกลาง เนื่องจากมีฝนตกในบริเวณดังกล่าว
ออกประกาศ 12 มกราคม 2566
เกาะติดพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย
18:00 น. วันนี้ ถึง 18:00 น. วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ
- อากาศเย็นถึงหนาว ฝนเล็กน้อยบางแห่ง
- อุณหภูมิต่ำสุด 12-21 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด
- อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตก ความเร็ว 10-15 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
- อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 25-27 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ภาคกลาง
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา
- อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันตก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ตรวจสอบสภาพอากาศ 7 วันข้างหน้า คลิกที่นี่
ภาคตะวันออก
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่
- ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
- อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
- อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 ของพื้นที่
- บริเวณจังหวัดพังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
- อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
กรุงเทพฯและปริมณฑล
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่
- อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
คาดหมายอากาศทั่วไปในอีก 7 วันข้างหน้า
ตาดการณ์สภาพอากาศในช่วงระหว่างวันที่ 12 – 18 มกราคม พ.ศ. 2566
ในช่วงวันที่ 13 – 15 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่งเกิดขึ้นได้ ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อน แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
ส่วนในวันที่ 16 - 18 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้น บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ข้อควรระวัง
ประชาชนบริเวณภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ในช่วงวันที่ 16 – 18 ม.ค.
ออกประกาศ 12 มกราคม 2566 11:00 น.
การคาดหมายอากาศรายภาค
ระหว่างวันที่ 12 – 18 มกราคม พ.ศ. 2566
ภาคเหนือ
- ในช่วงวันที่ 13 – 18 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 10 – 20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 – 30 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 4 – 11 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10 – 25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ในช่วงวันที่ 13 – 14 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส
- โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 20 ของพื้นที่
- อุณหภูมิต่ำสุด 16 – 21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24 – 29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
- ส่วนในวันที่ 15 - 18 ม.ค. 66 อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 3 - 5 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 14 – 17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 21 – 26 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10 – 14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม.
ภาคกลาง
- ในช่วงวันที่ 13 – 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
- อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
- ส่วนในวันที่ 16 - 18 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก
- ในช่วงวันที่ 12 – 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 – 30 ของพื้นที่
- อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 – 33 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
- ส่วนในวันที่ 16 - 18 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 – 2 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 19 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26 – 31 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)
- ในช่วงวันที่ 12 – 15 ม.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
- ส่วนในช่วงวันที่ 16 – 18 ม.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 - 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
- ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20 - 35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 33 องศาเซลเซียส
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
- ในช่วงวันที่ 12 – 13 ม.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30 - 40 ของพื้นที่
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร
- ส่วนในช่วงวันที่ 14 – 18 ม.ค. 66 มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 - 30 ของพื้นที่
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15 - 30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร
- อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30 – 34 องศาเซลเซียส
กรุงเทพฯและปริมณฑล
- ในช่วงวันที่ 13 – 15 ม.ค. 66 อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
- อุณหภูมิต่ำสุด 22 – 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31 – 34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10 – 20 กม./ชม.
- ส่วนในช่วงวันที่ 16 - 18 ม.ค. 66 อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิต่ำสุด 21 – 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29 – 32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10 – 30 กม./ชม.
ขอขอบคุณที่มา : กรมอุตุนิยมวิทยา
ออกประกาศ 12 มกราคม 2566