svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"โมลนูพิราเวียร์" อาจทำโควิดกลายพันธุ์ ดร.อนันต์แจง BM.2 ทุกตัวไม่ได้มาจากการใช้ยา

05 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"โมลนูพิราเวียร์" อาจส่งผล "โควิดกลายพันธุ์" หลังข้อมูลจากทีมวิจัยออสเตรเลีย รายงานคลัสเตอร์ของไวรัสที่แตกมาจากสายพันธุ์ BM.2 ขณะดร.อนันต์ แจงเพิ่ม BM.2 ทุกตัวไม่ได้มาจากการใช้ยา

5 พฤศจิกายน 2565 โควิดวันนี้ ยังคงมี โควิดกลายพันธุ์ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือ ไบโอเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก "Anan Jongkaewwattana" เปิดงานวิจัยคลัสเตอร์โควิดในออสเตรเลีย พบไวรัส BM.2 แตกสายพันธุ์มาจาก BA.2.75 มีรายละเอียดดังนี้


ทีมวิจัยในออสเตรเลียรายงานคลัสเตอร์ของไวรัส SARS-CoV-2 ที่แตกมาจากสายพันธุ์ BM.2 (ลูกหลานของ BA.2.75) โดยกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ (ตอนนี้รายงานออกมา 9 คน) มีการเปลี่ยนแปลงในจีโนมของไวรัสหลายตำแหน่งแบบกระจัดกระจาย โดย 8 ตำแหน่งที่เปลี่ยนอยู่ในโปรตีนหนามสไปค์เพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงใน BM.2 ไปอีก (D111N, S151N, V289I, T549I, D574N, A701V, L841F, V1230M) ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อน เนื่องจาก BM.2 เป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ ค้นพบเมื่อไม่น่าจะเกิน 2 เดือน 

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา

"โมลนูพิราเวียร์" อาจทำโควิดกลายพันธุ์ ดร.อนันต์แจง BM.2 ทุกตัวไม่ได้มาจากการใช้ยา
 

การที่พบสายพันธุ์ที่แตกกิ่งออกมาแบบนี้ทำให้มีหลายคนสงสัยว่าเกิดจากอะไร โดยมีการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเชิงลึกแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า สายพันธุ์คลัสเตอร์ใหม่มีโอกาสเกิดจากการใช้ยาต้านไวรัส โมนูลพิราเวียร์ (MV) ที่ก่อการกลายพันธุ์แบบสุ่ม


หลักฐานที่เหมือนจะสนับสนุนสมมติฐานนี้คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสารพันธุกรรมของไวรัสคลัสเตอร์ใหม่ 42 ตำแหน่ง เป็นการเปลี่ยนจากเบส C—>T 19 ตำแหน่ง,  G—>A 18 ตำแหน่ง, A—>G 4 ตำแหน่ง และ C เป็น A เพียงตำแหน่งเดียว โดยทั่วไปการเปลี่ยนแปลงของเบสจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ transitions และ transversions โดยจากภาพด้านล่าง จะเห็นว่า T—>C, C—>T, A—>G และ G—>A เป็น transitions ส่วนการเปลี่ยนแปลงอื่นๆนอกจากนี้คือ transversions หมด ซึ่งคงไม่อธิบายในรายละเอียดความแตกต่าง แต่อยากชี้ประเด็นสำคัญว่า  การทำงานของ MV คือ การก่อการกลายพันธุ์ในรูปแบบของ transitions ในสารพันธุกรรมของไวรัสเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบ transitions แตกต่างจากที่พบในธรรมชาติ

 

.... ดังนั้นการที่พบไวรัสที่มีการกลายพันธุ์แบบเกิด transitions เยอะๆกว่าปกติ 41 ใน 42 ตำแหน่งที่เกิดใหม่เป็น transitions  จึงทำให้คนมองว่าไม่ปกติ

"โมลนูพิราเวียร์" อาจทำโควิดกลายพันธุ์ ดร.อนันต์แจง BM.2 ทุกตัวไม่ได้มาจากการใช้ยา "โมลนูพิราเวียร์" อาจทำโควิดกลายพันธุ์ ดร.อนันต์แจง BM.2 ทุกตัวไม่ได้มาจากการใช้ยา

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงแบบเกิดขึ้นกระจัดกระจายแบบไม่ไปมุ่งเป้าที่ตำแหน่งในโปรตีนสไปค์ใช้หนีภูมิ ทำให้คิดว่าไวรัสไม่ได้มีปัจจัยผลักดันจากภูมิคุ้มกันให้เปลี่ยนตัวเองเพื่อหนีภูมิได้ดีขึ้นเหมือนกรณีอื่นๆ ซึ่งเป็นเหตุผลที่น่าฟังว่า ไวรัสเปลี่ยนไปด้วยปัจจัยอื่น


อันนี้เป็นบทวิเคราะห์จากนักวิจัยหลายคนที่ไปดูการเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลของไวรัสนะครับ (ไม่ใช่ของผมเอง) ไม่ใช่หลักฐานตรงว่าไวรัสคลัสเตอร์ใหม่นี้เกิดจากการใช้ MV ในการรักษาหรือไม่ ยังไม่สามารถสรุปได้ และ ยังไม่มีข้อมูลว่าไวรัสคลัสเตอร์ใหม่นี้จะมีคุณสมบัติอะไรพิเศษต่างจาก BM.2 เดิมหรือไม่ คงต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมครับ

"โมลนูพิราเวียร์" อาจทำโควิดกลายพันธุ์ ดร.อนันต์แจง BM.2 ทุกตัวไม่ได้มาจากการใช้ยา

ต่อมา เมื่อเวลา 18.10 น. วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้โพสต์ข้อความเพิ่มเติม แนบลิงก์ข่าว "นักไวรัสฯเผยผลวิจัยชี้โควิดกลายพันธุ์ BM.2 อาจเกิดจากการใช้ 'ยาโมนูลพิราเวียร์" พร้อมระบุว่า 

 

โพสต์นี้จริงๆพูดถึงสายพันธุ์ย่อยที่แตกมาจาก BM.2 ซึ่งยังไม่มีชื่อเรียก ...ไม่ใช่ BM.2 โดยตรงครับ จากหัวข้ออาจเข้าใจผิดว่า BM.2 ทุกตัวมาจากการใช้ยา

 

logoline