รองอธิบดีอัยการ เตือน จยย. ชอบวิ่งเลนขวา อาจตาย-เจ็บฟรี ถูกฟ้องล้มละลาย
"โกศลวัฒน์" โพสต์ข้อกฎหมายเตือนชาวรถจักรยานยนต์ ชอบวิ่งเลนขวา ระวังอาจตาย - เจ็บฟรี ถูกฟ้องล้มละลาย หมดยุค มอเตอร์ไซค์ชนรถเก๋งรถเก๋งต้องผิด
วันนี้ (11 ส.ค.) นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง ให้ความรู้ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยระบุว่า
“เตือน.. มอเตอร์ไซค์ ชอบวิ่งเลนขวา…! มอเตอร์ไซค์ชอบวิ่ง เลน 3 เลน 4 ชิดขวา ระวังชีวิต..อาจตายฟรี เจ็บฟรี ถูกฟ้องล้มละลาย..!
เสียงบ่นมาว่า…ถนน 4 เลนรถยนต์อยู่ขวาสุดเจอมอเตอร์ไซค์จ่อท้ายบีบแตรไล่…บ่อยนะครับ..หมดยุค มอเตอร์ไซค์ชนรถเก๋งรถเก๋งต้องผิด…?
กฎหมายจราจร ม.35 "รถจักรยานยนต์ในทางเดินรถซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ ตั้งแต่สองช่องขึ้นไปหรือได้จัดช่องเดินรถประจำทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ ต้องขับรถจักรยานยนต์ในช่องเดินรถด้านซ้ายสุด หรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทางแล้วแต่กรณี" โทษปรับ 400-1000 บาท โดยในปัจจุบันผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นมักจะขับเลนขวา ถนนสี่เลนก็ขับเลนสามหรือเลนขวาสุด หรือแซงตามอำเภอใจ ไม่ระมัดระวังและไม่เคารพกฎจราจร หากฝ่าฝืนอาจถูกจับปรับได้
หากเกิดอุบัติเหตุในทางเดินรถช่องทางชิดขวา ไม่ชิดซ้าย จักรยานยนต์ จึงอาจ..ต้องรับผิดว่าขับรถโดยประมาท เพราะไม่ขับชิดซ้ายฝ่าฝืนกฎหมายจราจรก่อนแล้ว ความเสียหายทางแพ่งที่ต้องชดใช้จะตามมา ค่าซ่อมรถคู่กรณี ค่าคนเจ็บหากมี แพงนะครับ
ขับชิดซ้ายตามกฏหมาย จะได้ไม่ถูกมองว่า ผิดกฎหมายเข้าข่ายประมาท จะดีกว่า ค่าปรับไม่เท่าไหร่ค่าเสียหายจะแพงจนรับไหวหรือ..? ถ้ามีคนตายระวังจะล้มละลายได้เลยนะครับ ถ้าคิดว่าถูกจะจ้างทนายแพงเท่าไหร่ดีสู้คดีให้ชนะ..? ตัวอย่างจากคดีหมอกระต่าย จักรยานยนต์ก็อยู่เลนขวาสุด…! ถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง…อีกกี่ล้าน…!
ยุคนี้หาภาพจากกล้องวงจรปิดได้ทั่ว ภาพจากกล้องจะเป็นหลักฐานให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ระวัง ฝ่ายผิดจะรับไม่ไหวปัญหาใหญ่สุดจะตามมา ขับชิดซ้ายตามกฏหมายจราจร ก็จบ นะ ไม่โดนปรับ ลดความเสี่ยงจากค่าเสียหาย ในยุคของแพงเงินหายาก…?
จากข้อมูล www.thairsc.com หรือศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน พบว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมีมากกว่า 13,000 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 36 ราย โดยเป็นกลุ่มคนวัยทำงานอายุตั้งแต่ 25-60 ปี เสียชีวิตมากถึง 54% หรือประมาณกว่า 7,000 ราย และจากข้อมูลพบว่ากลุ่มคนทำงานเสียชีวิตจากรถ “จักรยานยนต์” มากที่สุด จำนวนมากว่า 5,800 ราย และมีสถานะเป็น “ผู้ขับขี่” จำนวนมากกว่า 5,000 ราย
