ภาพบรรยากาศรอยยิ้มเปี่ยมความสุข ณ ที่ทำการพรรคก้าวไกล หลังประกาศผลเลือกตั้ง ยังติดตราตรึงใจของเหล่าบรรดาแฟนคลับด้อมส้มทั้งหลาย
มติมหาชน 14 ล้านเสียง ส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้ส.ส. 151 คน เข้าสู่สภา เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ช่วงเวลาลิ้มรสชัยชนะแห่งอำนาจ จบลงอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากนั้น "พรรคก้าวไกล" ต้องเผชิญมรสุมหลายลูกโหมกระหน่ำ มาพร้อมกับถ้อยคำอันแสนเจ็บปวด ทั้ง พลาดหวัง - เสียใจ - ยอมถอย เข้ามาแทนที่
นับตั้งแต่การจับมือ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ต้องยอมปรับเงื่อนไขเอ็มโอยู ยอมตัดข้อเสนอนิรโทษกรรม ยอมทิ้งเก้าอี้ประธานสภาฯ แม้กระทั่งการโหวตนายกฯชื่อ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่ผ่านที่ประชุมรัฐสภา เปิดทางให้"พรรคเพื่อไทย" เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ฝันร้ายกลายเป็นจริงล่าสุด คือ กระเด็นออกจาก 8 พรรคร่วม เตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ชะตากรรมทางการเมืองของ"พิธา" และ "พรรคก้าวไกล" ไม่จบเพียงเท่านี้ เนื่องจากมีคดีความอยู่ระหว่างการพิจารณาของ"ศาลรัฐธรรมนูญ" ไม่ว่าเป็น กรณี "พิธา" ถือครองหุ้นสื่อขัดต่อคุณสมบัติการเป็นส.ส .หรือไม่ ซึ่งศาลรธน.รับคำร้องและสั่งให้"พิธา"หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.เป็นการชั่วคราว
อีกคดีร้อนตามมาติดๆ นั่นคือ คดีล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียง
"ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" ทนายความอิสระ หรือ "ผู้พิทักษ์มาตรา 112" คือบุคคลต้นเรื่อง ได้เปิดเผยเหตุผลและเป้าหมายสำคัญที่จำเป็นต้องยื่นคำร้องดังกล่าวต่อ"ศาลรัฐธรรมนูญ"
"เราต้องการที่จะให้เกิดความชัดเจนขึ้นในสังคมเสียก่อนว่า พฤติกรรม หรือการดำเนินการของ"พรรคก้าวไกล" โดยเฉพาะ"คุณพิธา" มีเจตจำนงสิ่งใดแน่ เขายืนยันว่าเพียงแต่แก้ไข ไม่ได้มีความประสงค์จะยกเลิก แต่ปรากฎว่าญัตติการเสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ตามที่พรรคก้าวไกลได้นำเสนอต่อรัฐสภา มีความประสงค์ ที่จะยกเลิกมาตรา 112 "
"ผมได้สำเนาร่างกม.ฯของพรรคก้าวไกลมา เมื่อมาตรวจดู สิ่งที่พบเห็นอย่างแรก คือ ไม่ใช่การแก้ไข ยืนยันได้อย่างที่หลายท่านเห็นแล้วว่า มีความประสงค์ ยกเลิก เราได้ติดตามฟัง การให้สัมภาษณ์ การให้ข่าว หรือการพูดแนวนโยบายของพรรค ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น มีความประสงค์อย่างอื่น ที่ซ่อนเร้น ไม่แจ้งแก่ประชาชนอย่างละเอียด"
"ทนายความอิสระ"ท่านนี้ ชี้ให้เห็น ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับก้าวไกล เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญแสดงให้เห็นพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเทียบเคียงได้กับคำวินิจฉัยศาลรธน.สองฉบับก่อนหน้านี้
"เราคุ้นชินในการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรน. อยู่สองฉบับ ฉบับแรก เป็นคำวินิจฉัย"ยุบพรรคไทยรักษาชาติ" อีกฉบับเป็นคำวนิจฉัยที่19 /2564 เกี่ยวกับ เรื่องการเรียกร้อง 10 ข้อ ที่เกิดขึ้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต สิ่งที่เห็นสองคำวินิจฉัย ศาลรธน.จะกล่าวหลายครั้งหลายบรรทัดเพื่ออธิบายคำหนึ่งที่เป็นคำสำคัญ ที่ท่านวินิจฉัยไว้ พฤติกรรมอันเป็นการกัดเซาะ บ่อนทำลาย ด้อยค่า สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคำวินิจฉัยทั้งสองฉบับ ท่านพูดไว้ในบรรทัดเหล่านี้จำนวนมาก"
"เมื่อพิจารณาจากคำวินิจฉัย "พรรคไทยรักษาชาติ" ศาลรธน.วางคำวินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่า นโยบายที่แสดงออก ไม่ว่าด้วยสมาชิกพรรคก้าวไกลเอง ในขณะหาเสียง หรือ"คุณพิธา" หรือ"กรรมการบริหารพรรค" เมื่อได้พูดแนวนโยบายใดออกไปแล้ว เมื่อแนวนโยบายนั้นสอดคล้องต้องกัน หากเกิดความเสียหาย หรือความไม่ถูกต้อง การฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายใด ณ จุดใด กรรมการบริหาร หัวหน้าพรรค และตัวพรรคก้าวไกลจำเป็นต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น"
ทั้งนี้ คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ มีผลผูกพันทุกองค์กร ทำให้ "ทนายธีรยุทธ" มองว่า การกระทำของ " นายพิธา" และ " พรรคก้าวไกล " จะเผชิญชะตากรรมเดียวกัน กับ"พรรคไทยรักชาติ" และ"กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์"
"ทนายธีรยุทธ" กล่าวว่า หาก"ศาลรธน." วินิจฉัยให้ "นายพิธา" และ"พรรคก้าวไกล" หยุดการกระทำแก้ไข"มาตรา 112" จะส่งผลไปถึงอีกคำร้องที่ตนได้ยื่นไว้กับ"กกต." โดยคำร้องดังกล่าว ยังอยู่ในสารบบของกกต.
ฉะนั้น เป้าหมายของ"มือพิทักษ์ มาตรา 112" ไม่เพียงแค่ให้ " ศาลรธน." มีคำวินิจฉัยสั่ง "พิธา" และพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำแก้ไขกม.112 เท่านั้น แต่ยังหวังว่า "กกต."จะรับลูกคำวินิจฉัยของศาลรธน. เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ"ยุบพรรค"ต่อไป
"ทนายวีรยุทธ" อธิบายถึงการขยายผลคำวินิจฉัยศาลรธน.ว่า "หากต่อมา ได้ปรากฎคำวินิจฉัยของศาลรธน. ตามที่ได้ยื่นคำร้องไว้ ว่า พฤติการณ์หรือพฤติกรรม ของ "พรรคก้าวไกล" เข้าข่ายอันอาจเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว ก็จะเข้าสู่อำนาจของ "คณะกรรมการการเลือกตั้ง" และ " นายทะเบียนพรรคการเมือง " ที่จะต้องเสนอคำร้อง โดยเร็วและโดยตรงเพื่อเสนอ"ศาลรัฐธรรมนูญ " ให้"ยุบพรรค"
"เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว จะเข้าสู่อำนาจของกกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง เสนอคำร้องโดยเร็วและโดยตรงต่อศาลรธน.ให้ยุบพรรค" มือพิทักษ์ มาตรา 112 กล่าวทิ้งท้าย
ชมคลิป >>> เปิดใจ "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" มือพิทักษ์ 112