คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนฯ วุฒิสภา ได้พิจารณากรณีศึกษานวัตกรรมการจัดการศึกษาเพื่อแก้ปัญหาความยากจนของเครือข่ายโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา ๔ แห่ง เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายและแนวทางการดำเนินงาน
๑. โรงเรียนมีชัยพัฒนา
เป็นต้นแบบของโรงเรียนร่วมพัฒนา มีการขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศ มีลักษณะการทำงานที่สำคัญ ๑๐ ประการ คือ
๑. มุ่งสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ เน้นการสร้างคนดี ซื่อสัตย์สุจริต รู้จักแบ่งปัน เคารพคนทุกคน
๒. เรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงตนเองและสังคม เรียนใช้หลักสูตรแกนกลางของกระทรวงศึกษาธิการเพิ่มเรื่องการสอนทักษะชีวิตและทักษะอาชีพ เน้นการสร้างทัศนะคติและการลงมือปฏิบัติ เรียนรู้และกล่อมเกลาไปในการปฏิบัติร่วมกัน
๓. เปลี่ยนวิธีการเรียนใหม่ทั้งระบบ ให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุขและสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงในสังคม เปลี่ยนวัตถุประสงค์ของโรงเรียนจากสถานที่ที่ให้ความรู้เฉพาะเด็กนักเรียน มาเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตและเป็นศูนย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับทุกคนในชุมชน
๔. คิดนอกกรอบ ที่โรงเรียนฯทำ ๓ ด้าน คือ การศึกษา การพัฒนาคุณภาพชีวิตและธุรกิจเพื่อสังคม นักเรียนและผู้ปกครองไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน แต่จ่ายค่าเทอมด้วยการทำความดีตอบแทนโดยช่วยเหลือสังคมและโรงเรียนจำนวน ๔๐๐ ชั่วโมง และปลูกต้นไม้ ๔๐๐ ต้น
๕. สอนประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมในชีวิตจริง นักเรียนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโรงเรียนโดยการจัดตั้งเป็นคณะมนตรีโรงเรียน ดำเนินงานร่วมกับผู้อำนวยการโรงเรียน
๖. เอาใจใส่ต่อกลุ่มชายขอบ ได้เรียนร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ชายขอบ มีทั้งชนชาติม้ง กะเหรี่ยง ทำให้เกิดความรักสามัคคีในหมู่คณะและยอมรับในความแตกต่าง
๗. ตั้งคำถามให้คิด คิดคำตอบให้ตรงคำถาม การสอนแบบเชิงรุก (Pro active Learning) ในทุกชั่วโมงเรียนจะใช้วิธีการตั้งคำถามให้นักเรียน "ฝึกคิด"
๘. ฝึกวินัยต่อตัวเอง นักเรียนจะได้ใช้โทรศัพท์มือถือ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ และต้องเขียนจดหมายถึงผู้ปกครองและเพื่อนคนละ ๒ ฉบับต่อสัปดาห์ ๙. ฝึกนวัตกรรุ่นเยาว์ นักเรียนจะถูกฝึกฝนให้เป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านกิจกรรมธุรกิจเพื่อสังคมที่หลากหลาย ๑๐. เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน ทั้งครู นักเรียนผู้ปกครองและคนในชุมชนได้รับโอกาสในการเรียนรู้ ฝึกทักษะอาชีพ
๒. โรงเรียนบ้านสันดาบ
เป็นตัวอย่างของโรงเรียนขนาดเล็กที่ลุกขึ้นมาปรับปรุงโรงเรียน ปรับการเรียน การสอน จนสามารถพ้นภาวะวิกฤตได้ สรุปแนวทางสำคัญมีดังนี้ คือ
๑. กล้าเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารโรงเรียนได้ลุกขึ้นมาเพื่อต้องการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
๒. เปลี่ยนปัญหาเป็นพลัง โรงเรียนมีวิกฤตทั้ง ๖ ด้าน อาคารเรียนทรุดโทรม การประเมินคุณภาพการศึกษาไม่ผ่านมาตรฐานการศึกษา ครูขาดแคลน มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ นักเรียนมีโอกาสน้อยมากที่จะไปศึกษาต่อ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนไม่เหมาะสม มีปัญหายาเสพติดในชุมชน กลายเป็นพลังที่ทำให้คุณครูและนักเรียนเข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา มีพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษา จากโรงเรียนที่ใกล้จะถูกยุบ กลายมาเป็นโรงเรียนที่ได้รับรางวัล
๓. การบูรณาการหลักสูตร ทั้งภาควิชาการและภาคปฏิบัติ ในตอนเช้าเรียนในห้องเรียนและตอนบ่ายลงมือปฏิบัติทำการเกษตร ลงแปลงผักของนักเรียน
๔. เรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติ เรียนรู้จากการลงมือทำจริง ทำน้ำสมุนไพรขาย ปลูกเมลอน เพาะเห็ด และนำไปขายด้วยตนเอง
๕. ความร่วมมือจากภาคส่วนอื่น ๆ องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ที่มีงบประมาณมาจ้างคุณครู ๓ คน นิคมอุตสาหกรรมโรงงานสินสาครจ้างครู ๑ คน
๓.โรงเรียนรวมมิตรวิทยา
เป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่มีความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยมีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้นำให้การเปลี่ยนแปลง โดยมีแนวทางที่สำคัญ คือ
๑. การกำหนดวิสัยทัศน์ของโรงเรียนใหม่ ว่า“ยุวทูตรักท้องถิ่น ทำกินด้วยสัมมาชีพ มีจิตอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”
๒. การปรับบทบาทของผู้อำนวยการและครู ผู้อำนวยการเป็นครูของครู (Super Coach) และครูจากผู้สอนมาเป็นคนจัดการเรียนรู้ (Learning Designer)
๓. สถานที่ทุกแห่งเป็นห้องเรียน ห้องเรียนคือสถานที่ที่ต้องไปเรียนรู้ ผืนนา แปลงผัก โรงเพาะเห็ด อู่ซ่อมรถยนต์ สนามฟุตบอล อ่างเก็บน้ำ เกิดความคิดสร้างสรรค์ และมีจินตนาการใหม่ ๆ
๔. ปรับเปลี่ยนหลักสูตร จากหลักสูตรพื้นฐาน เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency – Based Curriculum) จาก ๘ หมวดสาระ มาจัดเป็น ๔ กลุ่มวิชา ซึ่งครอบคลุมวิชาพื้นฐานได้ครบถ้วน
๕. เน้นการเรียนการสอน เป็นแบบใฝ่รู้และสร้างสรรค์ (Active and Constructive Leaning) เรียนเรื่องที่จะนำไปใช้ประโยชน์จริง
๖. องค์กรชุมชนให้การสนับสนุน
๔. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๑๕
เป็นโรงเรียนร่วมพัฒนาที่สามารถขยายเครือข่ายภายในจังหวัดออกไปรวม ๕๖ แห่ง เป็นโรงเรียนที่มีเครือข่ายโรงเรียนร่วมพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด มีวิธีการดำเนินงานที่สรุปได้ดังนี้
๑. การคิดให้หลุดกรอบ ต้องไม่เสียหลักการ กล้าทำในสิ่งที่ท้าทาย สร้างอาคารพาณิชย์ให้คนเช่า เก็บค่าเช่ามาซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน มีเงินจ่ายค่าเช่าสัญญาณโทรศัพท์ในแต่ละเดือน
๒. โรงเรียนใช้ดิจิทัลทั้งระบบ การเรียน การสอน การยืมหนังสือจากห้องสมุด มีการบันทึกข้อมูลพฤติกรรมและผลการเรียนของนักเรียนผ่านแอพพลิเคชั่น
๓. เห็นโอกาส ปรับปรุงอาคารเรียน โรงเรียนที่ถูกยุบมาเป็นหอพักให้นักเรียนที่ยากจนใช้พื้นที่โรงเรียนทำแปลงเกษตร
๔. การส่งเสริมการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ให้กับนักเรียนในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ การทำสบู่ล้างมือ การเป็นช่างซ่อมเครื่องปรับอากาศ ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมมอเตอร์ไซด์ การเปิดร้านกาแฟ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อ( Tissue Culture)