svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

แกะรอย"คดีเสี่ยเบนท์ลีย์" เงื่อนปม ยื้อตรวจแอลกอฮอล์ "เมาแล้วขับ"หรือไม่

13 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เปิดวินาที"เสี่ยเบนท์ลีย์" ซิ่งรถหรูมุดซ้ายชนปาเจโร สังคมกังขา โซเชียลฯแห่วิจารณ์   ตำรวจเลือกปฏิบัติ หวั่นซ้ำรอย"คดีบอสกระทิงแดง" (มีคลิป)

"รายการคมชัดลึก" โดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ และ พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

 

"เสี่ยเบนท์ลีย์" อ้างผลเลือด ส่อหลุด เมาแล้วขับ?

 

"วราวิทย์": ถามผู้ที่ถูกกล่าวหาเสี่ยที่ขับรถยนต์เบนท์ลีย์นะ มีข้อกล่าวหาคือขับรถโดยประมาทอันอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลและทรัยพ์สินของผู้อื่น และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสได้รับอันตรายแก่กายและทรัพย์สินเสียหาย ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือขับรถในขณะเมาสุราในกรณีฝ่าฝืนไม่ยอมให้เป่าแอลกอฮอล์ ให้สันนิษฐานว่าเมาแล้วขับ แต่ที่เราทราบกันคือผลเลือดที่ออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถึง 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ "คุณหมอแท้จริง"จะยึดตรงไหนเป็นหลักเวลาตำรวจเขาทำสำนวนคดี

แกะรอย"คดีเสี่ยเบนท์ลีย์" เงื่อนปม ยื้อตรวจแอลกอฮอล์ "เมาแล้วขับ"หรือไม่

 

"นพ.แท้จริง" ต้องบอกว่า ผมไม่เคยเห็นผลเลือด ไม่มีใครเคยเห็นผลเลือด เราไม่เคยเห็นกระดาษแผ่นนั้นเลย มีแต่คนเดา 10-20 อยู่ไหนมีหรือป่าวไม่รู้ จนตอนนี้แผ่นนั้นก็ยังไม่ปรากฎ เพราะฉะนั้นจะพูดไม่ได้ครับว่าผลเลือดเท่าไหร่เกินหรือไม่เกินเราไม่ทราบ

 

"วราวิทย์" ถามว่าถ้าในอนาคตอาจจะมีใบรับรองยืนยันจากแพทย์ที่ทำการตรวจจากโรงพยาบาลตำรวจออกมาจริง แต่ในขณะเดียวกันวันเกิดเหตุเขาก็ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ มันควรจะยึดตรงไหนเป็นหลัก

 

"นพ.แท้จริง" กฎหมายบอกว่าถ้าคุณปฏิเสธการเป่า อนุญาตให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเมาแล้วขับได้ทันที ส่งฟ้องศาลโดยไม่ต้องมีสลิปที่มีระดับแอลกอฮอล์ ไม่ต้องตรวจเลยถ้าคุณปฏิเสธ ยกเว้นอีกอย่างคือคุณไม่สามารถเป่าได้เพราะว่าโดนชนจนหน้าแหก กรามหักพูดไม่ได้ หรือสลบไม่มีสติ อันนั้นเป่าไม่ได้ต้องเอาไปโรงพยาบาลทันทีแล้วก็ให้แพทย์เจาะเลือดตรวจได้เท่าไหร่ให้แจ้งมาที่ตำรวจ เราไม่รู้ว่าไปเจาะจริงหรือป่าวเพราะไม่มีใครมายืนยัน

"วราวิทย์" ถามว่าถ้าเขาไปเจาะเลือดจริงมีใบรับรองจริงทนายความสามารถเอาใบนั้นไปสู้ในชั้นศาลได้หรือไม่  ว่ามันไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แล้วจะมาแจ้งข้อกล่าวหาเมาไม่ขับเพียงเพราะเขาปฏิเสธการเป่าได้อย่างไร ก็เขาบอกว่าคิดว่าไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลมันชัวร์กว่า แล้วเวลานั้นอาจจะเจ็บหน้าอกเป่าไม่ได้

 

"นพ.แท้จริง" เป่าตอนนั้นไม่ได้แต่เขาคุยโทรศัพท์อยู่เป็นชั่วโมง เดินมาข้างล่างจะหนี อย่างนี้เป่าได้แน่นอนครับ เพราะการเป่าเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ไม่ได้ใช้แรงมากเลย 

 

"วราวิทย์" ถามว่าเพราะฉะนั้นต้องยึดพฤติกรรมหลังเกิดเหตุเป็นหลักว่าปฏิเสธการเป่าแจ้งข้อหาทันที ต้องยึด ณ นาทีที่เกิดเหตุเป็นหลัก ผู้การมองยังไงกับคดีนี้

 

แกะรอย"คดีเสี่ยเบนท์ลีย์" เงื่อนปม ยื้อตรวจแอลกอฮอล์ "เมาแล้วขับ"หรือไม่

 

"พล.ต.ต.วิชัย" เวลามีการเกิดอุบัติเหตุรถเชี่ยวชนกันอันดับแรกตำรวจต้องไปที่เกิดเหตุ เพราะคดีสำคัญอยู่ที่เกิดเหตุ ต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่าขณะเกิดเหตุใครเป็นผู้ประมาท พอเรารู้เราก็นำเขามาแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อได้ตัวมาแล้วเราต้องแจ้งข้อกล่าวหาทันที คือขับขี่รถยนต์โดยประมาท เฉี่ยวชนให้ผู้อื่นรับความเสียหายและมีบุคคลได้รับความบาดเจ็บ ถ้าเกิดเขาไม่เมาจริงๆคุณก็สั่งไม่ฟ้องข้อหาเมาไปก็ได้ พนักงานสอบสวนไม่ผิดไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เพราะช่วงนั้นหลักฐานปรากฎแบบนั้น แต่ถ้าคนเจ็บสาหัสหรือตายก็ไปแจ้งข้อหาเพิ่ม เพราะฉะนั้นตำรวจหรือพนักงานสอบสวนต้องทำตรงนี้ ต่อไปถ้าเอาตัวมาแล้วเขาบอกไม่เป่าบอกว่าบาดเจ็บคุณต้องรีบส่งไปโรงพยาบาลทันทีไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาหรืออะไรก็ตามต้องส่งไปทันที แล้วใบส่งก็บอกให้เจาะเลือดหาด้วยมันก็จบ ถ้าทำแบบนี้สังคมก็จะไม่เกิความสงสัย

"วราวิทย์" ถามว่าการเคี้ยวหมากฝรั่งมันลดปริมาณแอลกอฮอล์ได้มั้ยครับ

"นพ.แท้จริง" ไม่ช่วยครับ เวลาเท่านั้นที่จะช่วย 

 

"วราวิทย์" ถามว่าคนอาจจะมองว่าเขาพยายามหรือป่าว

"พล.ต.ต.วิชัย" ผมถึงบอกว่า ตรงนี้พนักงานสอบสวนหรือว่าตำรวจต้องทำให้รอบคอบ เพราะภาพมันปรากฎ เดี๋ยวนี้เวลาตรวจความเมาพิสูจน์จากกลิ่นได้นะ

 

"วราวิทย์"  ถามว่า ทางตำรวจบชน.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ
 
"พล.ต.ต.วิชัย" ตอบว่า การตั้งกรรมการสอบสวนเป็นเรื่องดีที่จะมีการทำให้รอบคอบ และผู้ใหญ่ได้ตรวจสอบเกิดความผิดพลาดจริงๆ ผลที่ได้รับก็เป็นการเอาจริงเอาจัง  แต่อาจจะเกิดจากเหตุการณ์ที่มีการวิจารณ์กันอย่างรุนแรง ซึ่งตอนนี้สังคมตาสัปปะรด จะทำสิ่งที่ฝืนความรู้สึกหรือกฎหมายไม่ได้ และเป็นสิ่งที่ประชาชนสนใจ 

 

"วราวิทย์" ถามว่ามีหลักฐาน เรื่องขวดไวน์ที่อยู่ในรถยนต์ แต่อ้างว่าเป็นของเพื่อนที่ทิ้งเอาไว้ในรถยนต์ เพื่อเก็บสะสมไม่ใช่ขวดที่ไปดื่มมาจากร้านอาหาร ในแง่ของการทำสำนวนคดี จะถูกบรรจุเข้าไปในสำนวนด้วยหรือไม่ เป็นอย่างไร 

 

"พล.ต.ต.วิชัย"  ตอบว่าผู้ต้องหามีสิทธิที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ตำรวจต้องเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการจับผิดเขา สมมติว่าเจอขวดไวน์ ตำรวจต้องเก็บขวดไวน์ไป เพื่อเอาไปตรวจเปรียบเทียบกับผลเลือดว่าเป็นอย่างไร

 

"วราวิทย์"  ตั้งข้อสังเกตว่า เสี่ยเบนท์ลีย์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อบางสำนักว่า ยอมรับว่าดื่ม 2แก้วเล็กๆที่ใช้เวลาดื่มตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม ตามประสบการณ์สามารถบ่งบอกอะไรได้บ้าง 

 

แกะรอย"คดีเสี่ยเบนท์ลีย์" เงื่อนปม ยื้อตรวจแอลกอฮอล์ "เมาแล้วขับ"หรือไม่

 

"นพ.แท้จริง" ตอบว่า หากเป็นเรื่องจริง 2 แก้ว ก็ควรจะเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ รับรองว่าไม่เกิน หากเป็นเรื่องจริงไม่เกิน  50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ และเป่าในเวลาที่เกิดเหตุตี 1 ไม่ถึงแน่ 

 

"พล.ต.ต.วิชัย" บอกว่า หากบอกว่า ดื่มมา 2 แก้ว ไม่เมา ก็ควรให้ตรวจตั้งแต่ครั้งแรก แต่จะมาบอกว่าเจ็บหน้าอกไม่ได้ เมื่อเป็นผู้ต้องหาแล้วสั่งให้ทำต้องทำจะมาปฏิเสธไม่ได้ และตำรวจจะหยุดไม่ให้เขาเป่าก็ไม่ได้ ควรเอาข้อกฎหมายไปบังคับ 

 

"วราวิทย์" ถามว่า มองว่าอาจมีลับลมคมใน ช่วยเหลือกัน จนตรวจสอบช้าไปบ้าง หรือไม่ 

 

"พล.ต.ต.วิชัย" บอกว่า ทุกอย่างที่ตรวจสอบ เมื่อเวลาไปสู้ที่ชั้นศาล จะต้องมีหลักฐานยืนยันให้ได้ การที่เขาพูดมาตำรวจต้องฟัง แต่ต้องตรวจสอบว่าย้อนแย้งกับพยานหลักฐานที่ได้มาหรือไม่ เมื่อย้อนแย้งศาลจะไม่ฟัง แต่หากตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนครบถ้วน ดำเนินการ อย่างไรเขาก็ดิ้นไม่หลุด แต่หากตำรวจไม่ปฏิบัติ หาหลักฐานอาจทำให้ผลทางคดีคลาดเคลื่อนไป เป็นข้อต่อสู้กับทั้งสองฝ่ายได้ สิ่งที่เราโต้เถียงคือ มีความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ที่ทำให้ผู้ต้องหาโต้เถียงได้  และผู้ต้องหาให้การย้อนแย้งกับหลักฐานที่ตำรวจสอบสวนหรือไม่ แต่หากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แล้วเจ้าหน้าที่บกพร่อง จะทำให้ผู้ต้องหาได้เปรียบทางคดี  ทำให้เกิดการโต้เถียงกันไป ศาลจะฟังใคร 

 

"วราวิทย์" ถามว่า ดูแนวโน้มคดีเป็นอย่างไร  และมีการเข้าไปเยียวยากับผู้บาดเจ็บ และจ่ายเงินให้กับผู้เสียหายแล้ว

"นพ.แท้จริง" กล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ทำสำนวน ที่จะยื่นต่ออัยการ หากทำดีไม่มีช่องว่าง ไม่มีทางหลุดคดีและหากมีอาการมึนเมา ไม่มีทางหลุดคดีแน่นอนส่วนพฤติกรรมการหลบหนี เรื่องแบบนี้สามารถแจ้งคดีได้หลายข้อหา  และการจ่ายค่าเยียวยาให้กับผู้เสียหาย หรือบาดเจ็บก็จะช่วยทำให้ คดีดูทุเลาลง ซึ่งจะทำให้เวลาที่ขึ้นศาลจะถามผู้เสียหายว่ายังติดใจอยู่หรือไม่ หากตอบกลับว่าไม่ติดใจ หากได้รับการชดเชยจนพอใจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องหา โทษหนักจะเป็นเบา 

 

"พล.ต.ต.วิชัย" กล่าวเสริมว่า แม้ผู้ต้องหาจะบอกว่า อุบัติเหตุที่เกิดไม่ได้รุนแรง และไม่มีใครเสียชีวิต ก็เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นการขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายจะมาอ้างว่าแค่ชนท้ายไม่ได้ เพราะความแรงความเร็วของรถยนต์ ส่งผลให้เกิดความรุนแรงได้ และเมื่อเฉี่ยวชนก็เกิดการพลิกคว่ำ ซึ่งมีการคาดเข็มขัด หรือมีรถมาชนทำให้ไม่ไถลตกทางด่วนไปจริงๆการชนอาจไม่รุนแรง แต่ผลที่ตามมาแรงกว่า   

 

"วราวิทย์" ถามว่า คดีนี้ เหมือนว่า พยายามบ่ายเบี่ยง ว่าสื่อพุ่งเป้าไปที่ยี่ห้อ รถยนต์หรู เบนท์ลีย์ หากเป็น ยี่ห้อรถญี่ปุ่น อาจไม่ได้เป็นเป้าสนใจมากกว่านี้ 

"พล.ต.ต.วิชัย" กล่าวว่า จริงๆๆสื่อมาภายหลัง พฤติกรรมของคุณทำให้เป็นที่สนใจ หากมีการช่วยเหลือระหว่างเกิดเหตุ ไม่ขึ้นแท๊กซี่ หรือยอมเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ก็ไม่น่าจะมีปัญหา 

 

"วราวิทย์" ถามว่า ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ สื่อและคุณหมอแท้จริงก็ต้องมานั่งพูดกันแบบนี้ 

"นพ.แท้จริง" ตอบว่า เราอยู่ในสังคมไทย ที่อุดมไปด้วย คอร์รัปชั่น และระบบอุปถัมภ์  หลีกหนีเรื่องพวกนี้ไม่พ้น แต่สมัยนี้ไม่เหมือนเก่า เดิมอาจไม่มีพยานหลักฐาน แต่ปัจจุบันมีโซเชียลและสังคมตัดสินแรงว่าศาลตัดสิน  ต่อไประบบอุปถัมภ์จะสู้พลังโซเชียลไม่ได้ ติดสินบนไม่ได้ แต่เชื่อว่าต่อไป สังคมจะค่อยๆน้อยลงไป 

 

ชมคลิป>>>


logoline