svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์

รอบปี 2565 มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในเมืองไทยทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกของ"โซเชียลมีเดีย" หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากความคิดของมนุษย์ ติดตามในเจาะประเด็น โดย "พันธ์ศักดิ์ อาภาขจร"

"ทิม เบอร์เนิร์ส-ลี"(Tim Berners-Lee) ผู้ประดิษฐ์ WorldWideWeb(www) เคยคาดหวังเอาไว้ว่า อินเทอร์เน็ตควรจะเป็นพื้นที่ของข้อมูลอันเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพที่มีการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้ระดับเดียวกัน เพื่อให้เข้าถึงบริการที่มีประโยชน์ รวมทั้งคาดหวังว่าอินเทอร์เน็ตควรจะเป็นพื้นที่แห่งความเป็นอิสระ เปิดกว้างและสร้างสรรค์


แต่สิ่งที่ลีคาดหวังไว้เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว เพราะโลกเสรีของอินเทอร์เน็ตในอีกด้านหนึ่งที่ใครต่อใครสามารถส่งเสียงหรือแสดงออกได้แทบไร้ขีดจำกัดโดยไม่ต้องมีคนตรวจสอบ (Gatekeeper) กลับอยู่ในสภาวะตรงกันข้ามและเกินเลยจากสิ่งที่ลีอยากเห็นไปมาก เพราะเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ตส่วนหนึ่งเต็มไปด้วย ความเท็จ ความเกลียดชัง การใส่ร้ายป้ายสี การปลุกระดม ความไร้สาระ ความรุนแรงหรือแม้แต่การฉ้อฉลและการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบตั้งแต่ ขายอาวุธ ขายยาเสพติด ขายกาม จนถึงขายแบงก์ปลอม ก็สามารถพบเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างดาษดื่น

 

สิ่งเหล่านี้คือพอลลูชันทางข้อมูลที่มากับโซเชียลมีเดียและกำลังคุกคามมนุษย์อยู่ทุกนาที โดยที่เจ้าของแพลตฟอร์มไม่เคยรับผิดชอบ แต่ภาระเหล่านี้กลับต้องอยู่ในมือของผู้กำกับดูแลของแต่ละประเทศหรือองค์กรต่างๆที่ตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบความผิดปกติบนโซเชียลมีเดียหรือแม้แต่ชาวเน็ตที่ต้องช่วยตรวจสอบเพื่อแสวงหาความจริงและหาวิธีรับมือกับพอลลูชันเหล่านี้กันเอง  

 

ความอันตรายของโซเชียลมีเดียคือความเห็นผิดเป็นชอบจากการบิดเบือนบนโลกออนไลน์ด้วยอิทธิพลของ ข้อมูลเท็จ ข้อมูลบิดเบือน ความเกลียดชังและโฆษณาชวนเชื่อ ที่ไหลบ่าเข้ามาอย่างไม่มีวันจบสิ้นจนทำให้ความถูกต้องและความจริงหมดความหมายไป

 

นักวิชาการมักเรียกปรากฏการณ์ลักษณะนี้ว่า "กฎใหม่ด้านข้อมูลของเกรเชม"  (New Gresham’s law of information)  โดยเปรียบเทียบกับกฎทางเศรษฐศาสตร์ของเกรเชมที่กล่าวไว้ว่า “เงินเลวไล่เงินดีออกไปจากระบบ”(Bad money drives good money out of circulation) ซึ่งในกรณีของโซเชียลมีเดีย หากผู้รับข้อมูลข่าวสารไม่รู้เท่าทันหรือขาดการไตร่ตรองก็จะจมปลักอยู่กับสิ่งเหล่านี้ไปนานเท่านาน

 

ในรอบปี 2565 มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในเมืองไทยทั้งในโลกแห่งความจริงและโลกของโซเชียลมีเดีย หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากความคิดของมนุษย์ที่ถ่ายทอดลงไปสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สะท้อนถึงความเป็นตัวตนของบุคคลนั้นๆที่แสดงออกอย่างเปิดเผยบนโซเชียลมีเดียซึ่งดูเหมือนจะขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงกับวัฒนธรรมและความดีงามที่หล่อหลอมมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในโลกแห่งความจริง 

 

1.ทิดสึกใหม่ ท้าชก บนโซเชียลมีเดีย   


เปิดศักราช 2565 ด้วยข่าวคนดังบนโลกโซเชียล อดีตพระนักเทศน์ชื่อดังโพสเฟซบุ๊กผ่าน เพจตัวเอง ท้าชกกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ในวันวาเลนไทน์ พร้อมโอนเงินเข้า บ/ช 200,000 บาททันทีหากผู้ถูกท้ารับคำท้า การท้าทายเกิดขึ้นหลังจากเคยมีการปะทะคารมกันมาแล้วก่อนหน้าและเกิดขึ้นเมื่อผู้ท้าทายเพิ่งสึกจากความเป็นพระซึ่งเป็นข่าวเกรียวกราวบนสื่ออยู่หลายวัน

 

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์

แม้ว่าจะเป็นวิถีลูกผู้ชาย แต่แสดงให้เห็นเช่นกันว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ใช่การใช้โซเชียลมีเดียในทางสร้างสรรค์ แต่เป็นการใช้โซเชียลมีเดียในเชิงใฝ่หาความรุนแรงที่สังคมโลกไม่ปรารถนาขณะถ่ายทอดสดบรรยายสาธยายธรรมสวดมนต์ข้ามปีอันเป็นพฤติกรรมที่เด็กและเยาวชนไม่ควรถือเป็นแบบอย่าง แม้จะอ้างว่าชกกันเพื่อความรักก็ตามที

 

การท้าชกกันบนโลกออนไลน์แถมยังมี ส.ส. คนหนึ่งออกมาถือหางเชียร์ผู้ท้าชกไม่ว่าจะกระทำด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตามนอกจากไม่ได้มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงจากอดีตพระผู้มีชื่อเสียงที่เคยมีคนนับถือกราบไหว้และผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้แทนราษฎรแล้ว การท้าทายกันถึงขั้นชกต่อยผ่านโซเชียลมีเดียราวกับนักเลงโตยังถือว่าเป็นการคุกคามกันบนโลกออนไลน์อีกด้วย


ในโลกอินเทอร์เน็ตแม้ว่าจะมีความเป็นอิสระในการแสดงออกและการแสดงความเห็นต่างๆอาจไม่ผิดกฎหมาย แต่เรื่องกาลเทศะบนโลกออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่มีตำราใดสอน แต่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและตัวตนของบุคคลนั้นเอง

อ้างอิง ผู้จัดการออนไลน์ 

 

2. “ตั๋วทอน” กับวัคซีนโควิด


การได้รับวัคซีนโควิด-19 ของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกลุ่มก้าวหน้า กลายเป็นข่าวดังต้นปี 2565 ที่มีการนำเสนอกันตามสื่อต่างๆอยู่ทั่วไป จนกลายมาเป็นเรื่องที่เพจล้อการเมืองนิยามศัพท์ว่า “ตั๋วทอน” จากการที่มีผู้กล่าวหาว่า"คุณธนาธร" ไปแย่งวัคซีนคนแก่บ้าง เคยด้อยค่าวัคซีนที่ตัวเองฉีดบ้างหรือใช้ตั๋ว VVIP บ้างจนกลายเป็น กระแสบนโลกโซเชียลและสื่อหลักอยู่หลายวัน

 
แม้เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธและชี้แจงต่อเรื่องดังกล่าวว่าไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์แย่งวัคซีนคนแก่ เพราะบ้านอยู่ระหว่างรอยต่อระหว่างจังหวัดและวัคซีนที่ฉีดเป็นวัคซีนที่เหลือ แต่เป็นการถูกใส่ร้ายเพื่อให้ชื่อเสียงเสียหายและถูกเกลียดชังโดยคนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนเครือข่ายเผด็จการอนุรักษ์นิยม


ความเป็นคนดังของคุณธนาธรทำให้เกิดกระแสโซเชียลมีเดียแพร่กระจายข่าวออกไปตลอดเวลาหลังจากมีข่าวว่าคุณธนาธรได้รับวัคซีน พร้อมการขุดคุ้ยเพื่อจับผิดของนักสืบโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตและสื่อบางสำนักยังแคลงใจแม้ว่าคุณธนาธรได้ชี้แจงแล้วก็ตาม 

 

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์

ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์

 

การที่คุณธนาธรเคยใช้โซเชียลมีเดียในการวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอย่างเผ็ดร้อน แม้ว่าภายหลังจะมีการแก้ข่าวไปในทางที่เป็นคุณแก่ตัวเอง  แต่สิ่งที่เผยแพร่ออกไปก่อนหน้าผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยลักษณะท่าทางที่ดุเดือดและเนื้อหาที่กล่าวถึงการได้มาซึ่งวัคซีนยี่ห้อที่ฉีดในเชิงตำหนิ อาจทำให้ผู้รับข่าวสารเข้าใจไปในอีกทางหนึ่งซึ่งต่างจากเจตนาของคุณธนาธร  คำแก้ตัวภายหลังจึงยากต่อการหักล้างการแสดงความเห็นของตนเองก่อนหน้าซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปได้  โซเชียลมีเดียจึงเป็นแพลตฟอร์มที่มอบรางวัลหรือความเป็นพระเอกให้กับใครคนใดคนหนึ่งได้ในวันหนึ่ง  แต่อีกวันหนึ่งโซเชียลมีเดียนั้นก็อาจกลับมาแว้งกัดคนคนเดียวกันจนจมเขี้ยวได้เช่นกัน  

อ้างอิง ผู้จัดการออนไลน์ , ไทยโพสต์ออนไลน์  
 

 

3.  ชนคนตาย  แต่หล่อ? 


นับเป็นเหตุการณ์เศร้าที่สุดรับปีเสือ 2565 เมื่อตำรวจหนุ่มขับขี่จักรยานยนต์ชนคุณหมอสาวขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต ซึ่งเป็นข่าวที่เศร้าที่ผู้คนให้ความสนใจและเป็นข่าวที่สร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง

 

ทันที่ที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไปบนโซเชียลมีเดีย มีการแสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย ซึ่งการแสดงความเสียใจถือเป็นเรื่องปกติ แต่กลับมีคนอีกจำพวกหนึ่งกลับไปแสดงความเห็นในเชิงชื่นชมความหล่อของผู้กระทำผิด โดยไม่ได้ให้เกียรติต่อผู้สูญเสียชีวิตหรือตำหนิผู้กระทำผิด ซ้ำร้ายกลับตำหนิผู้เสียชีวิตที่เดินไม่ดูทาง  แถมบางรายยังหวังว่าผู้กระทำผิดไม่ควรติดคุกเสียอีกซึ่งเป็นเรื่องไม่สมควรแสดงออกอย่างยิ่งบนหน้าข่าวแห่งความสูญเสีย  การกระทำเช่นนี้สะท้อนถึงการแสดงออกที่ไม่ปกติต่อผู้สูญเสีย แต่กลับไปนิยมชมชอบรูปลักษณ์ของผู้ที่กระทำผิด คล้ายกับการชื่นชมความงามของสาวคดีหั่นศพเมื่อหลายปีก่อน 

 

พฤติกรรมข้างต้นนอกจากสะท้อนถึงความไร้จิตสำนึกและความไร้วินัยในการขับขี่ยวดยานของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นผู้รักษาและบังคับใช้กฎหมายแล้วยังสะท้อนถึง ความไร้มารยาท ความไม่รู้จักกาลเทศะ ขาดการบ่มเพาะทางจริยธรรม เห็นความหล่อของผู้ชายมากกว่าคุณค่าความเป็นมนุษย์ รวมทั้งบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการใช้โซเชียลมีเดียของคนไทยบางคนได้ในระดับหนึ่ง

 

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์
อ้างอิง แนวหน้าออนไลน์

 

4.คดีแตงโมกับนักสืบโซเชียล

 

ตลอดปี 2565 คงไม่มีข่าวใดครองพื้นที่ทั้งบนสื่อหลักและโซเชียลมีเดียได้อย่างกว้างขวางและยาวนานเท่าคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโมนักแสดงสาวเมื่อต้นปี จนกลบข่าวสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนไปจนหมดสิ้น 
 

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์

ภาพจาก สำนักข่าวอิศรา


การเสียชีวิตของคุณแตงโมดูเหมือนว่าประชาชนผู้รับข่าวสารส่วนหนึ่งจะไม่เชื่อว่าเป็นการตายจากอุบัติเหตุและเชื่อว่าต้องมีเงื่อนงำลึกลับซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง  ปฏิบัติการของนักสืบโซเชียลจึงเริ่มขึ้นจนหลายต่อหลายครั้งเป็นการหาเบาะแสที่ไปคนละทิศละทางและล้ำหน้ากว่าตำรวจ และหยิบประเด็นข้อสงสัยต่างๆมานำเสนอจนคนจำนวนไม่น้อยเห็นคล้อยตามกระแสโซเชียลและทำให้ตำรวจต้องกลายเป็นจำเลยของสังคมไปในทันทีด้วยการชี้นิ้วของโลกออนไลน์
การทำหน้าที่อย่างแข็งขันของนักสืบโซเชียลเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีในหลายแง่มุมตามคำแถลงของตำรวจ

 

แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความสับสนต่อผู้รับข่าวสารอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่แต่คนไทยเท่านั้นที่ทำหน้าที่ช่วยสืบสวนคดีคุณแตงโม แม้แต่นักสืบโซเชียลจากเวียดนามยังเข้ามามีส่วนร่วมในการสืบสวนหาความจริงในคดีนี้ด้วย พิสูจน์ให้เห็นถึงความไร้พรมแดนของโลกดิจิทัลและความสนใจในข่าวของคุณแตงโมที่ดังไปไกลถึงต่างแดน


การสูญเสียของคุณแตงโมนอกจากจะมีผู้คนแสดงความสงสารและเห็นใจต่อคุณแตงโมอย่างคาดไม่ถึงแล้ว เรายังได้เห็นถึงพฤติกรรมหิวแสงของบุคคล กลุ่มคน รวมทั้งนักการเมืองซึ่งเป็นที่รู้จักในสังคม ต่างเรียงหน้าออกมาให้ข้อมูลในเชิงลึกในการสูญเสียของคุณแตงโม ราวกับเป็นเป็นพนักงานสอบสวนหรือเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงเสียเอง บางคนถึงกับฟันธงไปเลยว่าเป็นการฆาตกรรม 


การที่มีบุคคลต่างๆ มากมายทั้งบุคคลในเครื่องแบบ นักการเมือง ดารา ฯลฯ เรียงหน้าออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีคุณแตงโมทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดเลยได้นำไปสู่การถกเถียง พาดพิงซึ่งกันและกันและมีการตอบโต้กันอย่างดุเดือดถึงขั้นจะฟ้องร้องดำเนินคดีต่อกันและกลายเป็นคดีความต่างๆขยายวงออกไปเรื่อยๆจากคดีการเสียชีวิตของคุณแตงโม  

 

สะท้อนให้เห็นปรากฏการณ์การแสดงออกถึงความหิวแสงของคนบางคนที่ฉวยโอกาสใช้เหตุการณ์สำคัญๆออกมาล่าแสงจนเป็นข่าวให้สื่อได้นำเสนออยู่นับเดือน  จนถึงวันนี้ก็ยังมีผู้ขุดคุ้ยหาหลักฐานใหม่ที่พบในร่างคุณแตงโมมาบอกกล่าวต่อสังคมเพื่อแสดงให้เห็นถึงเงื่อนงำของคดีอยู่


5. หลวงปู่แสง - เหยื่อกระสือหากินกับพระ


คงจำกันได้ดีว่า เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมามีคนกลุ่มหนึ่งตั้งตัวเองเป็นมือปราบอลัชชีหรือมือปราบสัมภเวสีร่วมกับสำนักข่าวบางสำนักและเจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน บุกเข้าไปถึงกุฏิ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” อายุ 98 ปี พระเกจิชื่อดัง ที่อาศัยอยู่ในที่พักสงฆ์ พื้นที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก จ.ยโสธร   


ภาพการยกโขยงเข้าไปบุกกุฏิหลวงปู่แสงอย่างเอิกเกริกราวกับยกทัพไปจับโจรรวมทั้งกริยาวาจาที่คนกลุ่มนี้แสดงออกพร้อมคำพูดเยาะเย้ยถากถางหลวงปู่แสงซึ่งหน้าได้สร้างความหดหู่ใจต่อพุทธศาสนิกชนทั่วไปอย่างยิ่งและในภายหลังทราบว่าหลวงปู่อาพาธด้วยโรคอัลไซเมอร์ ยิ่งทำให้กระแสตีกลับไปยังกลุ่มบุคคลเหล่านั้นอย่างรุนแรง แม้จะมีการขอขมาจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อหลวงปู่แสงก็ไม่อาจจะลบภาพการกระทำที่ย่ำยีหัวใจชาวพุทธไปได้
  ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์
ภาพจาก บ้านเมืองออนไลน์ 

 

การเดินสายวิ่งไล่จับพระจากการนำของฆราวาสที่มิได้มีหน้าที่ใดๆเลยโดยมีสื่อบางสำนักยกขบวนกันไปทำข่าวแบบไลฟ์สด เผยแพร่ทั้งทางโซเชียลมีเดียและสื่อหลักหลายแห่งราวกับว่าบ้านเมืองเราขาดระบบระเบียบการปกครองเกี่ยวกับสงฆ์นั้น เชื่อว่าเป็นการวางแผนกันมาล่วงหน้าผ่านกระบวนการจัดการและมีผลประโยชน์ทั้งในรูปตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงินแอบแฝงอยู่ แม้ว่าจะมีการปฏิเสธว่าเป็นเพียงการขอความร่วมมือจากสื่อก็ตาม 


การที่มีบุคคลทำตัวเองเสมือน “ตำรวจพระ" เดินสายจับพระพร้อมกับนำไปเผยแพร่บนช่องทางโซเชียลมีเดียและสื่อช่องทางอื่นๆเพื่อให้ผู้ติดตามนับล้านคนได้ดูปฏิบัติการจับพระนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นการทำมาหากินรูปแบบหนึ่ง การอ้างว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อจรรโลงวงการสงฆ์จึงฟังไม่ขึ้น  


พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้นอกจากเป็นพฤติกรรมที่ชาวพุทธยากจะยอมรับได้เพราะนอกจากกระทบกระเทือนต่อจิตใจชาวพุทธทั่วไปอย่างรุนแรงแล้ว เชื่อได้ว่าย่อมกระทบกระเทือนจิตใจต่อพระสงฆ์นับแสนรูปอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน


"ศาสตราจารย์ ดร. พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี"  รองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร)  วัดไร่ขิง พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ศ.ดร.พระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี" สะท้อนถึงความรู้สึกของท่านและเชื่อว่าเป็นการสะท้อนถึงความรู้สึกเดียวกันของชาวพุทธโดยทั่วไป  ความว่า  "ในวันที่ใครๆ ก็ดังได้ ใครก็หาเงินกันได้ง่ายๆ จากโลกออนไลน์ มันทำให้เกิดเปรตอสุรกายที่กระหายเงินตราและชื่อเสียงออกปฏิบัติการล่ากลุ่มที่อ่อนแอในสังคม แล้วขยี้บี้ให้เป็นประเด็น เรียกเสียงชื่นชมตน  พร้อมเสียงก่นด่าเหยื่อกันสนุกสนาน หากพลาดอย่างดีก็แค่ทำเฉย แล้วออกล่าเหยื่อรายต่อไปๆ ดูอย่างการจัดฉากสร้างรอยมลทินให้พระสงฆ์อายุหลัก 100 ปี

 

ถ้าสติปัญญาดีๆ ก็พิจารณาได้ ทั้งเหตุการณ์รวมถึงการแสดงล้วนมีเลสนัย แต่คนที่ได้ผลประโยชน์เต็มๆคือผู้กำกับการแสดง ทั้งยอดวิว ยอดแชร์พุ่งกระฉูด ทั้งยูทูปก็คงจ่ายเงินก้อนใหญ่  แถมพาทัวร์มาถล่มหลวงตาอย่างสะใจ ซักวันเวรกรรมจะตามทัน  บรรดาข้าราชการเกรงกระแสสังคมของแฟนคลับคนพวกนี้จะถล่ม ก็ทำตนเหมือนตอไม้  ไม่ขยับกายเคลื่อนไหวช่วยป้องภัยให้พระสงฆ์ จนดูเหมือนมีอยู่ไม่ต่างจากกาฝาก จริงอยู่ในศาสนานี้มีอลัชชีอยู่ไม่น้อย  จะช่วยกันกำจัดให้ศาสนาไม่มัวหมอง ก็จะได้รับแต่คำสรรเสริญ  ทำด้วยใจไม่ให้ผลประโยชน์มาบังหน้า ก็คงไม่มีใครว่า มีแต่คนชื่นชม  ถ้าหลายหูหลายตาช่วยกันรักษา ศาสนาก็จะปลอดจากความมัวหมอง"


อ้างอิง จากสำนักข่าวอิศรา และบ้านเมืองออนไลน์ 

 

6.ชัชชาติ บนโลกโซเชียล


หนึ่งในบุคคลที่มีสีสันที่สุดบนโลกโซเชียลของไทยไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่เป็นผู้ว่าที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี คุณชัชชาติ สิทธิพันธ์  ผู้ว่าราชการ กทม.นี่เอง คุณชัชชาติ ได้สร้างปรากฏการณ์การใช้สื่อโซเชียลในลักษณะการไลฟ์สดซึ่งมักไม่ค่อยพบเห็นในการทำงานของผู้บริหารระดับสูงโดยทั่วไป เพราะคุณชัชชาติมักจะไปไหนต่อไหนพร้อมกับการไลฟ์สดบนโซเชียลมีเดียไปด้วยเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแวดล้อมใดก็ตาม


การใช้โซเชียลมีเดียของคุณชัชชาติ จึงเป็นความแปลกใหม่ของผู้บริหารระดับสูงซึ่งแสดงให้เห็นว่า คุณชัชชาติ ให้คุณค่าแก่เทคโนโลยีเป็นอย่างมากสำหรับการทำงานในฐานะผู้ว่า กทม. นอกจากนี้ยังแสดงออกถึงความเป็นมนุษย์เดินดินด้วยสไตล์การแต่งตัวแบบธรรมดาอย่างที่สุด(Normcore) ของคุณชัชชาติผ่านโซเชียลมีเดียและยังแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมดิจิทัลซึ่งเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่ได้แทรกซึมเข้าไปอยู่ทุกหนทุกแห่งและทุกเวลาในชีวิตของผู้คน

 

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์  

การใช้โซเชียลมีเดียของคุณชัชชาติ นอกจากจะสร้างแบรนด์ให้กับตัวเองแล้ว โซเชียลมีเดียยังช่วยให้คุณชัชชาติสามารถเชื่อมต่อกับสังคมขนาดใหญ่ในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ง่ายขึ้นและแสดงความเป็นปัจจุบันของตนเองให้ผู้คนได้เห็นการเคลื่อนไหวและสร้างการมีส่วนร่วมของผู้คนซึ่งอาจลดช่องว่างระหว่างผู้บริหารเมืองกับคนทั่วไปที่ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพได้โดยไม่มีกำแพงของลำดับชั้นการบริหารมาขวางกั้น


ถึงวันนี้ยังไม่อาจพูดถึงผลงานของคุณชัชชาติที่จับต้องได้อย่างเต็มปากนักเพราะเข้ามาบริหาร กทม.เพียงครึ่งปี แต่อาจพูดได้ว่าคุณชัชชาติอยากทำงานซึ่งเห็นได้จากคำพูดที่ออกจากปากคุณชัชชาติอยู่เสมอๆ อย่างไรก็ตามการใช้โซเชียลมีเดียที่มากจนเกินไปของคุณชัชชาติ เกิดขวางหูขวางตาคนบางคนจนถึงขั้นออกมาค่อนแคะผ่านโซเชียลมีเดียว่า "เอาแต่วิ่งไม่เห็นทำงาน" แต่ก็ถูกโต้กลับเบาๆ จากคุณชัชชาติเช่นกันว่า "วิ่งนอกเวลาทำงาน"


7.ชูวิทย์ – โซเชียลมีเดีย- ทุนจีนสีเทา


ณ นาทีนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในบุคคลที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดบนหน้าสื่อทั่วไปและโซเชียลมีเดียของประเทศไทยคือคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทยและนักธุรกิจ คุณชูวิทย์มีบัญชีโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ทั้ง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม รวมทั้งมีเว็บไซต์ด้วยซึ่งคุณชูวิทย์ใช้สื่อเหล่านี้ในการแสดงความเห็นทางการเมืองตลอดมา แต่เท่าที่มักเป็นข่าวและสื่อนำมานำเสนอต่อสาธารณะน่าจะเป็นการเคลื่อนไหวจากบัญชี เฟซบุ๊ก ของคุณชูวิทย์เป็นหลัก 


นับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นมาคุณชูวิทย์มีบทบาทอย่างยิ่งต่อการเปิดโปงขบวนการจีนสีเทาที่เข้ามาทำมาหากินและขยายเครือข่ายสร้างอิทธิพลอยู่ในประเทศไทยโดยมิได้ยำเกรงต่อกฏหมายไทยแม้แต่น้อยเพราะทุนกลุ่มนี้มีเส้นสายที่โยงใยไปถึงกลุ่มเจ้าหน้าที่และกลุ่มการเมือง คุณชูวิทย์ถึงกับเรียกทุนจีนเหล่านี้ผ่านโซเชียลมีเดียของตัวเองว่า "อั้งยี่ ซ่องโจร" และเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งหากเป็นจริงดังเช่นที่คุณชูวิทย์กล่าวไว้เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว
 

ชูวิทย์  กมลวิศิษฎ์ ผู้ออกมาเปิดโปงขบวนการจีนเทา

 

การปฏิบัติการเปิดโปงและการให้เบาะแสของคุณชูวิทย์ผ่านโซเชียลมีเดียซึ่งคุณชูวิทย์มีผู้ติดตามบนเฟซบุ๊กราว 1.6 ล้านคน นอกจากจะสร้างความสั่นสะเทือนต่อกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจหลายประเภทรวมทั้งผับที่คุณชูวิทย์เรียกว่าผับศูนย์เหรียญแล้ว เบาะแสของคุณชูวิทย์ยังส่งแรงกระแทกอย่างรุนแรงไปถึงวงการสีกากีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าที่คุณชูวิทย์พุ่งเข้าหาโดยตรงคือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่คุณชูวิทย์เชื่อว่าคอยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทา รวมทั้งยังเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมายแม้ว่าจะมีการชี้แจงจากผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองต่อกรณีดังกล่าวแล้วก็ตาม

 

แต่ผู้คนก็ยังไม่สิ้นความสงสัยเพราะการต่ออายุวีซ่าให้กับกลุ่มคนจีนจำนวนหนึ่งให้อยู่ในเมืองไทยในฐานะนักเรียนจำนวนมากตามที่เป็นข่าวนั้นแม้จะอ้างเหตุผลอย่างไรก็ยังฟังไม่ขึ้น นอกจากนี้การให้เบาะแสจากคุณชูวิทย์เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ ตม. ที่ร่ำรวยผิดปกติแต่ละคนนั้นยิ่งเพิ่มความสงสัยต่อการเข้าไปพัวพันของเจ้าหน้าที่บางคนต่อทุนจีนสีเทาเหล่านี้มากขึ้นไปอีก แถมยังปล่อยหมัดเด็ดเข้าไปยังบิ๊ก ปปง.อีกหมัดอย่างจัง

 

คนไทยต้องติดตามคดีนี้กันต่อไปให้ถึงที่สุดเพราะเชื่อว่าคุณชูวิทย์คงกัดไม่ปล่อยและจะได้เห็นข้อมูลดีๆจากการปล่อยของบนโซเชียลมีเดียของคุณชูวิทย์ที่จะทำให้อีกหลายคนต้องร้อนๆหนาวๆและอยู่ไม่เป็นสุขจากการกระทำอันมิชอบของตัวเอง เพราะการเปิดโปงครั้งนี้คุณชูวิทย์ได้เอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันเลยทีเดียว


การเคลื่อนไหวบนโลกโซเชียลแต่ละครั้งของคุณชูวิทย์มักมีสีสัน มีเรื่องที่น่าติดตามและเป็นข่าวที่ถูกนำมาเผยแพร่ต่ออยู่เสมอ การที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคนบนเฟซบุ๊ก คุณชูวิทย์จึงถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลบนโลกออนไลน์(Influencer) ในระดับทองคำ(Gold level)และเป็นคนเด่นในโลกโซเชียลคนหนึ่งของไทยก็ว่าได้  เพราะข้อสงสัยของคุณชูวิทย์บนโซเชียลมีเดียมักได้รับการติดตามและตอบสนองด้วยความฉับไวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่เสมอ  


8. ผัดไทยกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ 


กลายเป็นข่าวที่สร้างความปิติให้กับคนไทยอีกครั้งเมื่อสื่อกระพือข่าวว่า "เทย์เลอร์ สวิฟต์" ( Taylor Swift ) ศิลปินระดับโลกได้ใช้ภาพ “ผัดไทย” ประกอบเพลงที่ชื่อว่า Lover   ข่าวแจ้งในเบื้องต้นว่า การใช้ปกเพลงเป็นภาพนี้ยังไม่มีเหตุผลแน่ชัดเปิดเผยออกมา แต่ก็นับเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเมนู "ผัดไทย" เป็นที่ยอมรับระดับโลก จนเป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากทั้งในทวิตเตอร์และ TikTok จนติดเป็นกระแส #PadThai ขึ้นมาเลยทีเดียว

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์
 
ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์ 

 

แต่เมื่อส่องเข้าไปดูเนื้อเพลง Lover ซึ่งเผยแพร่ตั้งแต่ปี 2019  ของเธอไม่ปรากฏว่ามีประโยคหรือคำพูดใดที่กล่าวถึง ผัดไทย หรือ ประเทศไทยแม้แต่น้อย แต่กลับพูดถึงความโรแมนติกของหนุ่มสาวคู่รักเป็นสำคัญ จึงเป็นที่แคลงใจอยู่ว่าเพลงนี้เกี่ยวกับผัดไทยอย่างไร  จนกระทั่งมีคำเฉลยในอีกไม่กี่วันต่อมาว่า ภาพผัดไทยที่ปรากฏคู่กับเพลงของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ นั้น ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเพลง Lover หรือซอฟต์เพาเวอร์ที่คนไทยพากันปลื้มนักหนา เพราะเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ของยูทูป


คำพูดที่ว่า อย่าเชื่อทุกอย่างที่เห็นบนอินเทอร์เน็ต จึงยังคงเป็นคำพูดที่ยังเป็นจริงอยู่เสมอ เพราะภาพที่เห็นไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลมีเดียได้ทั้งหมด  เนื่องจากอัลกอริทึมได้เข้ามาทำหน้าที่แทนมนุษย์ในหลายๆเรื่องและจับแพะชนแกะเอาเองตามที่ได้เรียนรู้จากข้อมูลโดยขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ของมนุษย์ ซึ่งลึกซึ้งเกินกว่าปัญญาประดิษฐ์จะเข้าใจได้ แม้มนุษย์ผู้สร้างอัลกอริทึมเหล่านี้ขึ้นมาเองกับมือก็ยากที่จะเข้าใจสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นเช่นกัน

 

การโปรโมตผัดไทยครั้งนี้อย่างน้อยที่สุดน่าจะส่งผลให้เมนูผัดไทยกลายเป็นที่รู้จักของชาวโลกมากขึ้นไปอีก แม้ว่าจะเกิดจากการสร้างสรรค์ของอัลกอริทึมก็ตาม


อ้างอิง  ผู้จัดการออนไลน์


 9. คอนเทนต์ คอนเทนต์ และคอนเทนต์ - เป้าหมายในชีวิตของคนยุคใหม่    


โลกดิจิทัลได้ทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ของมนุษย์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีตด้วยอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย  หนึ่งในวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจากการใช้โซเชียลมีเดียคือ การเรียกร้องความสนใจผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งใครๆก็สามารถจะกลายเป็นคนดังได้ชั่วข้ามคืนโดยไม่ต้องใช้เวลาฝึกฝนแรมปีดังเช่นอาชีพอื่น หากคอนเทนต์ที่สร้างถูกใจผู้คน มนุษย์ยุคปัจจุบันจึงเป็นมนุษย์ยุคที่ไขว่คว้าหาความมีชื่อเสียง(Fame hunger generation) จากการสร้างคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียหรือเกาะกระแสคนดังเพื่อให้ตัวเองดังไปด้วย โดยหวังจำนวนยอดวิวโดยแทบไม่ใส่ใจต่อคุณภาพของคอนเทนต์ที่นำเสนอ


จากการสำรวจของ PEW Research Center พบว่า คนวัย 18-25 ปี จำนวนมากเห็นว่า “ ความต้องการมีชื่อเสียง”  คือเป้าหมายสำคัญของชีวิตอันดับที่ 1 หรืออันดับที่ 2  การสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับการสำรวจของ The Harris Poll ในปี 2019  ที่ได้สำรวจเด็กจำนวน 3,000 คน จาก สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและจีน โดยตั้งคำถามว่า “เมื่อมีอายุมากขึ้นอยากทำอาชีพใดมากที่สุด” ใน 5 อาชีพ ได้แก่ นักบินอวกาศ  นักดนตรี นักกีฬาอาชีพ ครู และ Vlogger/YouTuber    คำตอบอันดับหนึ่งจากเด็กชาวอเมริกันและสหราชอาณาจักรพบว่า อาชีพที่อยากเป็นมากที่สุดคือ ยูทูปเบอร์ ในขณะที่คำตอบอันดับหนึ่งของเด็กจีนคือ นักบินอวกาศ  จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดคนจำนวนมากรักอาชีพการสร้างคอนเทนต์มากเสียยิ่งกว่าการหาเลี้ยงตัวเองด้วยอาชีพอื่น 


การอยู่ในยุคที่ต้องการไขว่คว้าหาความมีชื่อเสียงทำให้คนจำนวนไม่น้อยถือว่า  ยอดผู้ติดตาม(Follower)  ยอดไลค์  ยอดแชร์ คือมาตรวัดความสำเร็จ  การสร้างคอนเทนต์แบบปกติธรรมดาเพื่อให้ถึงเป้าหมายจึงมักจะไม่ดึงดูดความสนใจผู้คน หลายต่อหลายคนจึงแสวงหาวิธีแปลกๆหรือสุดขั้วเข้าขั้นพิสดารที่คนปกติไม่ทำกันมานำเสนอและหลายครั้งเลยเถิดไปจนกลายเป็นกระแสตีกลับ ต้องออกมาขอโทษขอโพยต่อสังคมในภายหลังและอาจต้องถูกดำเนินคดีอีกด้วย  เป็นต้นว่า กินค้างคาวโชว์ : เหตุเกิดเมื่อครูสาวรายหนึ่งทำคอนเทนต์กินต้มแซ่บค้างคาวโชว์และเผยแพร่บน เฟซบุ๊ก จนเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวางและถูกตำรวจเข้าจับกุมในที่สุดโดยแจ้งข้อหาดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์และตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และในที่สุดครูสาวได้ไลฟ์ขอโทษทุกฝ่ายต่อการกระทำดังกล่าว ยอมรับว่าคิดน้อยและทำไปอย่างขาดสติและยืนยันว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก  


 
แฟ้มภาพ  ครูสาว "กินค้างคาวโชว์" เมื่อวันที่  10 พ.ย.65

 

ข่าวการกินค้างคาวโชว์ของครูสาวยังไม่ทันจางก็ปรากฏคลิปหนุ่มกินค้างคาวโชว์เผยแพร่บน TikTokเกิดซ้ำขึ้นมาอีกแต่เป็นเป็นคลิปเก่าที่เพิ่งกลายเป็นไวรัล  คราวนี้เป็นเมนูต้มค้างคาวกับแกงค้างคาวซึ่งผู้โพสอ้างว่าเป็นค้างคาวจากต้นตาลไม่ใช่ค้างคาวจากถ้ำ ซึ่งไม่ว่าจะอ้างอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นเพราะนอกจากค้างคาวจะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองแล้วยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและเป็นสัตว์ที่มนุษย์ปกติไม่ควรไปสรรหามากิน รวมทั้งต้องไม่เผยแพร่ความห่ามของตัวเองต่อสาธารณะเพื่อให้ผู้คนเข้าใจผิดเป็นอันขาด


แค่อยากทำคอนเทนต์ :เรื่องเกิดขึ้นเมื่อโลกออนไลน์ได้มีการโพสต์เชิญชวน ให้บริการ ตกหมึก ดูนม ชมหอย หมึกซ็อต ซาซิมิ พร้อมเครื่องดื่ม โดยคิดราคาท่านละ 3,000 บาท 4 ชั่วโมงเต็ม จำกัดรอบ ละ 2-3 ท่าน  ในภาพที่นำเสนอมีภาพสาวสวยเปลือยกาย 2 คน ถ่ายภาพข้างนักตกปลา ณ ริมทะเล ชายหาด ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทำให้คนในพื้นที่ ร่วมถึงเรือตกปลาในพื้นที่ วิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่หมาะสมและทางชาวบ้านในพื้นที่ได้นำหลักฐาน ภาพเปลือยกายบนเรือตกปลา และริมชายหาด ที่หลุดออกมาโลกออนไลน์ ในทวิตเตอร์ เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ   

 

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์

ภาพจาก แนวหน้าออนไลน์ 

 

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สองสาวได้ให้การ เบื้องต้นว่า รูปดังกล่าวตนได้ถ่ายกันเอง โดยผู้ชายบนเรือคือแฟนของตนทั้งคู่ โดยเรือตกปลาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตนเพียงเช่าเรือออกไปเท่านั้น ส่วนข้อความและรูปที่ลงว่าให้บริการ ตกหมึก ดูนม ชมหอย หมึกซ็อต ซาซิมิ พร้อมเครื่องดื่มในราคาเพียงท่านละ 3,000 บาท 4 ชั่วโมงเต็ม จำกัดรอบ ละ 2-3 ท่าน ตนได้ทำขึ้นเองแล้วนำไปลงในโลกออนไลน์ ทวิตเตอร์ เพื่อสร้างคอนเทนต์ให้คนสนใจเท่านั้น ตามข่าวแจ้งว่าเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ เตรียมดำเนินคดีในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสองตัวอย่างของการสร้างคอนเทนต์พิสดารมากมายบนโซเชียลมีเดียที่เกินเลยกว่าที่สังคมและกฎหมายจะยอมได้ แม้กระนั้นก็ยังมีคนอดใจไม่ได้ต่อความเย้ายวนของโซเชียลมีเดียจนต้องฝ่าฝืนกฎของสังคมเหล่านี้อยู่เป็นประจำเพราะความหลงใหลในความมีชื่อเสียงจาก ยอดผู้ติดตาม ยอดไลค์ ยอดแชร์ หรือเงินทอง โดยไม่แคร์ต่อสายตาของผู้คนบนโซเชียลมีเดียที่ต่างจับจ้องการกระทำแผลงๆเหล่านี้อยู่ทุกนาที


อ้างอิง แนวหน้าออนไลน์

 

10.แช็ตสยิว ครูกับศิษย์


ในหลายต่อหลายโอกาส โลกโซเชียลมักเปิดเผยสิ่งที่เราไม่สามารถจะพบได้ตามสื่อปกติ เรื่องราวที่คุยกันในที่ลับอาจถูกนำมาเปิดเผยในที่แจ้งผ่านโซเชียลมีเดียได้ตลอดเวลา ไม่ว่าโซเชียลมีเดียนั้นจะใช้ติดต่อระหว่างกลุ่มหรือตัวต่อตัวก็ตาม แสดงให้เห็นว่าเมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลถูกนำไปโพสบนโลกออนไลน์ ข้อมูลนั้นไม่มีทางถูกเก็บเป็นความลับได้อีกต่อไป เราจึงมักพบไลน์หลุดจากนักการเมือง ดารา และอีกหลายต่อหลายอาชีพจนสร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมอยู่หลายครั้งและที่เรียกเสียงฮือฮาต่อสังคมจนสะเทือนถึงวงการแม่พิมพ์ของชาติเป็นข้อความที่อ้างว่าเป็นแช็ตระหว่างครูกับศิษย์ที่หลุดออกสู่สาธารณะ

  ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์
ภาพจากไลน์ทูเดย์ 


ความที่ฝ่ายหนึ่งเป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ สายตาทุกคู่จึงพุ่งไปที่ครูสาวผู้ถูกกล่าวหา เพราะถือว่ากระทำตัวไม่เหมาะสมแก่สถานะความเป็นครูที่มีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับศิษย์ชายตามที่มีการเสนอข่าวกันตามสื่อจากไลน์หลุดที่มีข้อความแช็ตกันอย่างวาบหวิว ทั้งๆที่ตามข้อเท็จจริงแล้วทั้งคู่คือเหยื่อของการแก้แค้นจากคู่รักของฝ่ายชายโดยการนำข้อมูลส่วนตัวของบุคคลสองคนมาเปิดเผยต่อสาธารณะและใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือ แต่การที่เหยื่อฝ่ายหญิงอยู่ในสถานะของครู สปอร์ตไลท์จึงจับไปที่ฝ่ายหญิงเต็มๆโดยที่ฝ่ายที่นำข้อมูลมาเปิดเผยแทบจะไม่ถูกกล่าวถึง


โซเชียลมีเดียจึงเป็นเครื่องมือที่สามารถสร้างสัมพันธ์อันดูดดื่มระหว่างหนุ่มสาว แต่ขณะเดียวกันโซเชียลมีเดียก็อาจกลายเป็นเครื่องมือเพื่อการแก้แค้นที่สามารถนำมาใช้ทำลายความสัมพันธ์อันหวานชื่นนั้นได้เพียงชั่วพริบตา


อ้างอิง ไลน์ทูเดย์

 

11. เกรียนกับตำรวจทางหลวง


ถ้าใครได้ติดตามการเคลื่อนไหวของโซเชียลมีเดียอาจเคยเห็นคลิปที่ส่งต่อๆกันในไลน์หรือโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่น ในคลิปที่เผยแพร่จะเห็นชายคนหนึ่งพร้อมพวกได้ขับรถยนต์มาจอดในจุดที่ตำรวจทางหลวงกำลังตั้งด่านเปรียบเทียบปรับกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ที่กระทำความผิดอยู่ ระหว่างนั้นชายคนนี้ซึ่งไม่ได้รู้จักกับกลุ่มจักรยานยนต์ ได้หยุดรถและลงมาขอดูใบเสร็จจากผู้ที่ถูกปรับโดยกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นไม่ใช่เจ้าพนักงานจราจรแต่เป็นเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงซึ่งไม่มีสิทธิ์ออกใบสั่งปรับและพูดจาในลักษณะที่ไม่ได้ให้เกียรติต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติงานในขณะนั้นแม้แต่น้อย แถมยังอบรมสั่งสอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งนำคลิปเหตุการณ์นั้นไปเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียเสียอีก
พลันที่คลิปนี้เผยแพร่ออกไป ตำรวจทางหลวงจึงกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของคนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารไปในทันที เพราะความเห็นต่างๆที่มีต่อคลิปดังกล่าวล้วนส่งผลในทางลบต่อตำรวจทางหลวงทั้งสิ้น
   ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์
 

เมื่อคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง กองบังคับการตำรวจทางหลวงจึงต้องออกมาชี้แจงว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเป็นเจ้าพนักงานจราจรตามที่ได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร และมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ทุกประการ รวมทั้งยังเป็นเจ้าพนักงานตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่มีอำนาจจับกุมผู้กระทำความผิด และดำเนินการตามกฎหมายอาญาทั่วไป


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่อยู่ในเหตุการณ์และก่อให้เกิดความเสียหายต่อกองบังคับการตำรวจทางหลวงในภาพรวม ดังนั้น กองบังคับการตำรวจทางหลวงและผู้ที่เกี่ยวข้องจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้เกี่ยวข้องไว้เรียบร้อยแล้ว


ทันทีที่เจอกับการตอบโต้จากตำรวจ เฟซบุ๊ก "อย่าหาทำ" ได้เผยแพร่แถลงการณ์จากเพจ “อย่าหาทำ และเพจนักรบด่านเถื่อน”  ต่อกรณีดังกล่าวโดยได้ขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นต่อผู้บังคับการตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน จากการเผยแพร่วีดีโอดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย โดยแจ้งว่าคลิปดังกล่าว น่าจะสุ่มเสี่ยงให้เกิดการเข้าใจผิดและความเสียหายต่อองค์กรตำรวจทางหลวงและได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอโทษ ในการกระทำของเครือข่ายฯ ในครั้งนี้ 


แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะเป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่สามารถทำให้ใครต่อใครส่งเสียงดังหรือแจ้งเบาะแสให้สังคมได้รับรู้ในเรื่องที่ต้องการจะบอกแก่สังคม แต่การแสดงออกนั้นมีข้อจำกัดที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม ทั้งกฎของโซเชียลมีเดียเองและกฎหมายของแต่ละประเทศ รวมทั้งกติกามารยาทในการใช้โซเชียลมีเดียซึ่งเป็นกติกาหลวมๆที่รู้กันระหว่างผู้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียด้วยกัน


การแสดงออกตามอำเภอใจราวกับว่าเสรีภาพบนโซเชียลมีเดียไร้ขีดจำกัดจึงไม่สามารถกระทำได้ โดยเฉพาะการอวดรู้ในสิ่งที่รู้ไม่จริง ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดหรือตั้งใจเพื่อให้คอนเทนต์ตัวเองได้รับความสนใจ อาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจสับสนและเป็นการสร้างปัญหาต่อเนื่องไม่รู้จบ 

 

อ้างอิง  ผู้จัดการออนไลน์
 

12.เคลมผลงาน หรือ เข้าใจผิด?


ยิ่งใกล้เลือกตั้ง นักการเมืองก็ยิ่งต้องสาละวนหาเสียงกันแทบไม่ได้หยุดพัก นอกจากต้องตระเวนไปพบผู้คนด้วยตัวเองแล้ว นักการเมืองส่วนใหญ่มักสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายของตัวเองโดยใช้โซเชียลมีเดียอยู่เกือบตลอดเวลา โซเชียลมีเดียจึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับนักการเมืองระดับโลก ระดับชาติ จนถึงนักการเมืองท้องถิ่นเพื่อใช้สื่อสารกับคนกลุ่มใหญ่ ทั้งเรื่องนโยบายที่จะทำต่อไปข้างหน้าและสิ่งที่เคยทำสำเร็จมาแล้วเพื่อให้ตัวเองหรือพรรคของตัวดูดีมีผลงานพอที่จะอวดและขายให้ชาวบ้านได้


แต่หลายต่อหลายกรณีโซเชียลมีเดียกลับกลายเป็บดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำให้ตัวเองต้องขายหน้า เพราะหากสิ่งที่สื่อออกไปเป็นการให้ข้อมูลผิดๆต่อสังคมอาจถูกชาวเน็ตโต้แย้งหรือถูกวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนได้เช่นกัน  ดังเช่นกรณีของ คุณ แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง  ลูกสาวอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยที่ได้ขนคณะลงนครศรีธรรมราชเพื่อขอคะแนนชาวใต้

 

หลังจากนั้นเธอได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชี  ทวิตเตอร์ชื่อ  “@ingshin“  ระบุว่า “ถนนเส้นนี้ชื่อว่า ‘ถนนเขาพลายดำ-ท้องหยี’ จ.นครศรีธรรมราชค่ะ คนพื้นที่บอกว่าเป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวแห่งใหม่ ข้างหนึ่งเป็นภูเขา อีกข้างจะเป็นทะเล วิวสวยอย่างแรงนิ เป็นทางที่เชื่อมระหว่าง อ.ขนอม กับ อ.สิชล เพื่ออำนวยความสะดวกลดระยะเวลาเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชน เป็นผลงานโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ค่ะ”

ส่อง"โลกโซเชียล"รอบปี 2565 หลายเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ มาจากความคิดมนุษย์
 
ภาพจาก ผู้จัดการออนไลน์ 

 

เมื่อข้อความนี้ถูกทวีตออกไป มีความเห็นแย้งจากผู้ใช้ทวิตเตอร์รายอื่นๆต่อข้อความดังกล่าวในทันที  เพราะสิ่งที่คุณแพรทองธารได้ทวีตออกไปนั้นชาวเน็ตเห็นว่าไม่เป็นความจริง พร้อมให้ข้อมูลว่าถนนสายนี้เพิ่งสร้างในสมัยรัฐบาลคุณประยุทธ์เมิ่อไม่กี่ปีมานี่เอง  
ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องถึงขั้นต้องต่อความยาวสาวความยืดเลยหากผู้ใช้ทวิตเตอร์เป็นคนธรรมดาๆ แต่ด้วยเหตุว่าคุณแพรทองธารเป็นถึงหนึ่งในผู้นำพรรคการเมืองที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นรัฐบาลต่อไป อีกทั้งยังมีข่าวแว่วๆว่าเธออาจเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกด้วยเลยทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเธอถูกจับตามองแทบทุกฝีก้าว ความเห็นของเธอบนโซเชียลมีเดียจึงถูกนำมาขยายความต่ออยู่เสมอ
การสื่อสารด้วยโซเชียลมีเดียเป็นวิธีสื่อสารที่ ง่าย เร็ว และถูก แต่มีโอกาสผิดพลาดได้ตลอดเวลา

 

ไม่ว่าบุคคลคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม โดยเฉพาะการใช้โซเชียลมีเดียของนักการเมืองเพื่อสื่อสารถึงคนส่วนใหญ่จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเมื่อเกิดความผิดพลาดจะถูกดิสเครดิตและอาจกลายเป็นเป้าหมายให้ถูกโจมตีได้เช่นกันและหากข้อมูลนั้นมีความอ่อนไหวและเกี่ยวกับความเป็นความตายของบ้านเมืองอาจส่งผลกระทบตามมาโดยคาดไม่ถึง  เพราะเมื่อใดก็ตามที่ข้อมูลเท็จเข้าถึงคนส่วนใหญ่แล้ว การลบล้างความเท็จด้วยความจริงเป็นเรื่องยากและต้องใช้พลังมากกว่าการสร้างข้อมูลเท็จหลายเท่าตัวเพื่อทำให้ความจริงปรากฏ แต่มักได้ผลช้าเพราะในโลกโซเชียลมีเดียความเท็จมักเดินทางเร็วกว่าความจริงเสมอ

อ้างอิง ผู้จัดการออนไลน์