“กมธ.นิรโทษป่าทับคน” ลงโคราช พื้นที่พิพาท 552 คดี รับฟังปัญหา

15 พฤศจิกายน 2568 ที่ จ.นครราชสีมา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบ จากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติ หรือ “กมธ.นิรโทษป่าทับคน” ซึ่งกำลังพิจารณาเนื้อหาของร่างกฎหมายนิรโทษ และล้างมลทินให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบาย เรื่องที่ดินและป่าไม้ของรัฐ ได้ลงพื้นที่เพื่อประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง กอ.รมน. เจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และองค์กรปกครองท้องถิ่น โดยใช้สถานที่ศาลากลางจังหวัด  





ทั้งนี้ แม้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ประธาน กมธ. จะไม่ได้เดินทางมา เนื่องจากติดประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม วาระ 2 แต่มอบหมายให้ นายเล่าฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล รองประธาน กมธ. ซึ่งเป็น สส.พรรคประชาชน ดำเนินการประชุมแทน 

นายเล่าฟั้ง ยอมรับกลางวงประชุม โดยระบุตอนหนึ่งว่า การพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ดำเนินการท่ามกลางความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบกับนโยบายของรัฐ กับฝ่ายที่เป็นเจ้าภาพหรือหน่วยงานหลักในการดูแลที่ดินและป่าไม้ กมธ.จึงอยากรับฟังข้อเท็จจริง โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา มีทั้งหมด 552 คดี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะพอสมควร

โดยวันนี้เป็นการรับฟังผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ขณะที่วันพรุ่งนี้ (16 พ.ย.) จะไปที่ศาลาประชาคมบ้านไทยสามัคคี อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อฟังความเห็นของประชาชน เอกชน ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น เพื่อให้ได้ข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย และนำมาสรุปเป็นข้อกฎหมาย ที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ทุกคน 

หน.อุทยานทับลาน เปิด 365 คดี เปลี่ยนมือเป็นรีสอร์ท
 

ข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งได้จากวงประชุมพบว่า จากจำนวนคดี 552 คดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบุกรุกพื้นที่ป่า และอุทยานแห่งชาตินั้น เป็นคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติทับลาน เฉพาะอำเภอวังน้ำเขียว จำนวน 365 คดี โดยอุทยานแห่งชาติทับลาน ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี กับนครราชสีมา

ในจำนวน 365 คดี เป็นคดีที่อยู่ในชั้นศาล ทั้งศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา จำนวน 228 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีที่เกิดจากการเปลี่ยนมือผู้ครอบครอง จากชาวบ้าน หรือเกษตรกร ไปเป็นผู้ประกอบการรีสอร์ท ร้านอาหาร และก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเชิงพาณิชย์แบบถาวร โดยไม่ได้ขออนุญาต ทั้งๆ ที่ผู้ครอบครองที่ดินกลุ่มนี้ เคยได้รับการผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 แม้จะได้เข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน ภายหลังวันประกาศพื้นที่สงวนหวงห้ามตามกฎหมายครั้งแรกก็ตาม