ผู้ว่าฯ รุดแก้ปัญหาสะพานขาด สั่งติดตั้ง "สะพานแบรี่" ชั่วคราว

6 พฤศจิกายน 2568 ที่จังหวัดอุทัยธานี จากกรณีที่เกิดฝนตกหนักหลายวันติดต่อกันจนเกิดน้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้คอสะพานข้าม "ฝายอีซ่า" ชำรุด ในพื้นที่ตำบลป่าอ้อ อำเภอลานสัก ทำให้การสัญจรระหว่าง 2 หมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงถูกตัดขาด และต้องโหนสลิงส่งข้าวส่งอาหารให้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน 

และวันนี้ ( 6 พ.ย.2568 ) นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณทางข้ามฝายอีซ่า หมู่ที่ 3 ตำบลป่าอ้อ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี หลังเกิดเหตุคอสะพานข้ามแม่น้ำขาดจากอิทธิพลของน้ำหลาก ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยมีนางสาวอังศนา ลุยจันทร์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุทัยธานี นายทนงศักดิ์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี นางสาวบุษราภรณ์ ปานคง นายอำเภอลานสัก องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย รวมถึงส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ เพื่อวางแผนและดำเนินการแก้ไขปัญหา 

จากการหารือในเบื้องต้น มีมติให้ดำเนินการติดตั้งสะพานแบรี่ชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่สามารถสัญจรได้ตามปกติ พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมเพื่อวางแผนซ่อมแซมถาวรในระยะต่อไป

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีความเสียหายบริเวณฝายกั้นน้ำระหว่างพื้นที่ 2 ตำบล ในอำเภอห้วยคต และอำเภอลานสัก ส่งผลให้การสัญจรและการขนส่งสิ่งของของประชาชนได้รับผลกระทบ ซึ่งในวันจันทร์ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทั้ง 2 พื้นที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้ดำเนินการแก้ไขเบื้องต้น โดยการพาดสายสลิงเพื่อใช้ขนส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นข้ามฝั่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 

ต่อมาในวันอังคาร หน่วยงานก่อสร้างต่างๆ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อพิจารณาวิธีดำเนินการซ่อมแซมเส้นทางให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ โดยพบอุปสรรคหลายประการ เช่น เส้นทางเข้าพื้นที่มีขนาดแคบ และมีความลาดชันสูง 

ในวันพุธ ได้รับความอนุเคราะห์จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีในการปรับปรุงถนนบริเวณทางเข้า และบริเวณที่ถูกน้ำกัดเซาะ เพื่อให้รถสามารถเข้าไปในพื้นที่ได้สะดวกมากขึ้น 

และวันนี้ จะมีการขนย้ายสะพานแบรี่ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าพื้นที่เพื่อประกอบติดตั้งเชื่อมต่อเส้นทางระหว่างสองฝั่ง โดยการประกอบสะพานคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4–5 วัน เนื่องจากภูมิประเทศมีความลาดชันและไม่ราบเรียบ 

ทั้งนี้ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 15 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จะเข้าร่วมปฏิบัติงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการติดตั้งสะพานดังกล่าว ในระหว่างดำเนินการ หน่วยงานท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายอำเภอในพื้นที่ ยังคงดูแลการจัดส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 5 วัน ประชาชนจะสามารถกลับมาใช้เส้นทางสัญจรได้ตามปกติ พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมเพื่อวางแผนซ่อมแซมถาวรในระยะต่อไป

"อำเภอสว่างอารมณ์" ยังน่าห่วง ท่วมแล้ว 65 หมู่บ้าน 

ขณะที่ เมื่อเวลา 10.30 น. สถานการณ์น้ำท่วมในเขตใจกลางอำเภอสว่างอารมณ์ จังหวัดอุทัยธานี มีแนวโน้มเพิ่มระดับต่อเนื่อง โดยมวลน้ำป่าที่หลากเข้ามาได้ไหลเข้าท่วมย่านชุมชน เศรษฐกิจ รวมถึงบริเวณทางเข้าและลานจอดรถของสถานีตำรวจภูธรสว่างอารมณ์ และวัดสว่างอารมณ์ แล้วเช่นเดียวกัน ระดับน้ำโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 40–70 เซนติเมตร

ทั้งนี้ แม้ว่าพื้นที่ภายในวัดจะถูกน้ำท่วมขัง แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงเดินลุยน้ำเข้าร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคีประจำปี ด้วยแรงศรัทธาอย่างไม่ย่อท้อ อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพน้ำที่ท่วมสูง จึงไม่สามารถจัดโรงทานภายในวัดได้ทั้งหมด ต้องย้ายมาตั้งโรงทานบริเวณลานหน้าอำเภอสว่างอารมณ์ เพื่อบริการอาหารแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่กำลังช่วยกันกรอกกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วม ทำให้เห็นบรรยากาศโดยรอบยังคงเต็มไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจของประชาชน ที่ต่างมาช่วยกันกรอกกระสอบทราย พร้อมร่วมทำบุญกฐินในบรรยากาศแห่งน้ำใจและศรัทธาท่ามกลางสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้

ด้าน นายนำโชค ไม้สนธิ์ รักษาราชการแทนนายอำเภอสว่างอารมณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ในอำเภอสว่างอารมณ์ประกอบด้วย 5 ตำบล 65 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง 3–4 วัน เทศบาลตำบลสว่างอารมณ์ จึงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และจิตอาสา เร่งกรอกกระสอบทรายเพื่อทำเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมเป็นวันที่สอง โดยได้นำทรายมากว่า 20 คันรถบรรทุก สำหรับจัดทำแนวกั้นเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจและบ้านเรือนประชาชน 

สำหรับน้ำที่ไหลเข้าท่วมในครั้งนี้มาจากหลายทิศทาง ทั้งจากฝนตกสะสม น้ำคลองโพธิ์ และน้ำจากพื้นที่อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ รวมถึงจากแม่น้ำแควตากแดด ส่งผลให้อำเภอสว่างอารมณ์ต้องรับศึกสองด้าน ก่อนที่มวลน้ำทั้งหมดจะไหลสู่เขื่อนวังร่มเกล้า และเข้าสู่พื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานี