
3 กันยายน 2568 ที่ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุคาจิกิและพายุหนองฟ้า โดยมีนายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการเตือนภัย พร้อมด้วยผู้บริหารกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 62 จังหวัด รวมถึงผู้แทนกรมอุตุนิยมวิทยา สทนช. สสน. ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์
การประชุมในวันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ภาพรวมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์ ได้แก่ จ.เพชรบูรณ์ สุโขทัย เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งในขณะนี้พบว่า หลายพื้นที่สถานการณ์ได้คลี่คลาย โดยอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ขยายวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประสบภัยวงเงิน 50 ล้านบาท
รมช.มหาดไทย กล่าวว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์และติดตามการบริหารจัดการอุทกภัยและดินโคลนถล่มที่เป็นผลกระทบจากพายุคาจิกิและหนองฟ้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อเข้าใจสถานการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นรวมถึงการเตรียมปฏิบัติตนเพื่อรับมือสถานการณ์ในอนาคตได้เพื่อนำมาซึ่งการป้องกันเหตุและความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
"การสื่อสารเพื่อให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากธรรมชาติของประชาชนมักจะยังไม่อพยพ หากยังไม่เห็นสถานการณ์น้ำท่วมอย่างชัดเจน ดังนั้นบุคลากรในพื้นที่และหน่วยงานท้องถิ่นจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งดำเนินการขนย้ายและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยให้ได้มากที่สุด โดยอาศัยข้อมูลการพยากรณ์ตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจ แม้ว่าสถานการณ์อาจไม่เกิดขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม จึงขอให้ทุกภาคส่วนทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ในการสื่อสาร สร้างการรับรู้ และให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนและรอบด้าน เพื่อป้องกันความสูญเสียและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน”
รมช.มหาดไทย ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติม 4 แนวทาง เพื่อให้การบริหารจัดการเป็นระบบเพื่อประโยชน์ประชาชน ได้แก่ 1. ให้ทุกภาคส่วนได้ดูแลพี่น้องประชาชนทั้งในการดำรงชีพ มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว จัดหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพกายและจิตใจ รวมถึงการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว ในกรณีมีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บให้ติดตามการให้ความช่วยเหลือเร่งเยียวยาและสร้างขวัญกำลังใจแก่ญาติผู้ประสบภัย
2.ในพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ให้เร่งสำรวจซ่อมแซมและฟื้นฟูด้านต่างๆ ทั้งบ้านเรือนที่พักอาศัย ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ระบบสื่อสาร เส้นทางคมนาคม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว
3.การเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในห้วงต่อไป ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดโดยใช้กลไกมหาดไทยทุกระดับ ทั้งจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน แจ้งเตือนประชาชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และให้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ทุกด้านไว้ล่วงหน้า ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การแจ้งเตือน การจัดชุดปฏิบัติการ ศูนย์พักพิงชั่วคราว เครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมออกปฏิบัติได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสาร 2 ทาง ทั้งจากพื้นที่มายังส่วนกลาง และส่วนกลางไปยังพื้นที่
และ 4. ให้จังหวัดถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะต่อไป เพื่อนำไปกำหนดแนวทางมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในระยะต่อไป ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนเกิดความสูญเสีย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงซ้ำ
อธิบดี ปภ. กล่าวว่า ผลกระทบจากพายุคาจิกิ ได้ส่งผลให้เกิดอุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 14 จังหวัด คือ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เลย และ จ.นครพนม รวม 40 อำเภอ 114 ตำบล 377 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,531 ครัวเรือน 40,224 คน โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และ จ.พิษณุโลก รวม 10 อำเภอ 27 ตำบล 104 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 2,979 ครัวเรือน 6,390 คน
และผลกระทบจากพายุหนองฟ้า ที่ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 13 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ ตาก เพชรบูรณ์ เลย กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู ขอนแก่น ภูเก็ต ระนอง และ จ.ชุมพร รวม 40 อำเภอ 128 ตำบล 416 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,269 ครัวเรือน 38,310 คน โดยในปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 6 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู และ จ.ชุมพร รวม 17 อำเภอ 66 ตำบล 234 หมู่บ้าน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 9,589 ครัวเรือน 32,094 คน
รศ.เสรี ศุภราทิตย์ กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการสื่อสารให้กับประชาชนได้เตรียมการ ต้องสื่อสาร 2 ทาง เพราะในหลายพื้นที่มีบริบทที่ต่างกัน บางพื้นที่รับน้ำเพียง 50 มิลลิเมตร ก็ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังแล้ว ดังนั้นหากจะรอการแจ้งเตือนจาก Cell Broadcast ซึ่งเป็นระบบจากส่วนกลางแจ้งเตือนในวงกว้าง อาจจะไม่ทันต่อสถานการณ์จริงในพื้นที่ จึงขอให้จังหวัดได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนในทุกช่องทาง เพราะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นกลไกที่มีความใกล้ชิดและสำคัญที่สุดกับการสื่อสารในภาวะวิกฤต
.
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม กล่าวว่า ระบบเตือนผ่านหอกระจายข่าวและเสียงตามสายประจำหมู่บ้าน ชุมชน และหอเตือนภัย ในท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญและมีความจำเป็น โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง ที่จะต้องประสานผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้าใจ เพื่อติดตั้งระบบดังกล่าว หรือหาพื้นที่ใดมีสภาพชำรุดก็ให้ประสานในการเร่งแก้ไขหรือใช้กลไกอื่นๆ ในการประชาสัมพันธ์สื่อสารให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ ไปพลางก่อนในระหว่างที่มีการซ่อมแซมระบบสื่อสาร