
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ" โพสต์ภาพชายหญิงคู่หนึ่ง พร้อมกับภาพเป็น พระสงฆ์ มีสีกานั่งอยู่พื้น ซึ่งระบุว่าเป็นคนเดียวกัน พร้อมข้อความว่า "เจ้าอาวาสวัดหนึ่งใน จ.ขอนแก่น กลางวันอยู่วัด กลางคืนควงสาวเข้ารีสอร์ต" ต่อมาฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบแต่เจ้าอาวาสเดินทางออกจากวัดไปตั้งแต่กลางดึกวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา
13 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก เจ้าอาวาสวัดรูปดังกล่าว เดินทางเข้าพบคณะสงฆ์ภายในห้องประชุมวัดศรีบุญเรือง ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
โดยมี พระครูปริยัติสารวิสุทธิ์ จันทร์เรือง เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง และเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ รวมทั้งเจ้าคณะตำบล พร้อมด้วย นายวรรลพ วลัยศรี ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านไผ่, กำนันตำบลบ้านลาน, ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 และหมู่ 12 และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น ร่วมพิจารณาดำเนินการตามวินัยสงฆ์ กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพของเจ้าอาวาสวัด ถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับหญิงในห้องพักรีสอร์ต
ซึ่งขณะที่คณะสงฆ์กำลังพิจารณาตามวินัยของสงฆ์นั้น มีชาวบ้านในพื้นที่เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าอาวาสหลายสิบคน และติดตามความคืบหน้าข้อเท็จจริงว่าจะเป็นอย่างไร ก่อนจะเดินทางกลับภายหลังจากทราบว่าภาพดังกล่าวเป็นเจ้าอาวาสจริง โดยคณะสงฆ์มีมติให้พ้นจากเขตปกครองอำเภอบ้านไผ่ทันที และให้สึกจากการเป็นพระสงฆ์ภายใน 7 วัน
นายวรรลพ กล่าวว่า กรณีของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว ทางคณะสงฆ์ได้มีการสอบถามเรื่องภาพว่าเป็นภาพของท่านเจ้าอาวาสจริงหรือไม่ ซึ่งตัวท่านเจ้าอาวาสเองก็ยอมรับว่าจริง เป็นการไปพูดคุยเคลียร์กันเกี่ยวกับเรื่องเกี้ยวพาราสีกัน แต่ไม่ได้ยอมรับว่ามีเพศสัมพันธ์กัน
จึงได้มีมติจากคณะสงฆ์ให้สังฆาทิเสส และให้ออกจากพื้นที่ปกครองของอำเภอบ้านไผ่ และให้พิจารณาตัวเอง โดยทางเจ้าอาวาสยอมรับและจะพิจารณาตัวเองโดยการสึกภายใน 7 วัน เพื่อรักษาพระพุทธศาสนา
เรื่องความสัมพันธ์นั้นไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรมาก แต่ยอมรับว่าเป็นภาพตัวเอง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วประมาณ 3 ปี สาเหตุที่ภาพหลุดนั้นอาจเพราะมีการตกลงเคลียร์กันแต่ไม่ลงตัว แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียดอะไรมาก แต่ไม่ทราบว่าเป็นใครปล่อยภาพออกมา
จึงมีมติของคณะสงฆ์ออกมาดังกล่าว ส่วนที่ไม่ถึงขั้นปาราชิกเพราะเป็นเพียงภาพ ไม่ได้มีการสื่อไปถึงการร่วมเพศ ตามวินัยสงฆ์จึงเป็นได้เท่านี้ จึงให้พิจารณาตัวเองและทางเจ้าอาวาสก็ยอมสึกเพื่อรักษาพระพุทธศาสนา ส่วนฝ่ายหญิงนั้นไม่สามารถติดต่อได้
ส่วนญาติโยม เนื่องจากเป็นเรื่องของศรัทธาชาวบ้าน ตนก็จะลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านถึงกรณีข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และตอนนี้ถือว่าพ้นจากการเป็นพระสงฆ์ในการปกครองของอำเภอบ้านไผ่แล้ว ทางเจ้าอาวาสขอเวลาสึก 7 วัน เพื่อเคลียร์ข้าวของต่างๆ ก่อน และเรื่องภาพก็ยอมรับว่า ไม่ใช่ภาพตัดต่อ เป็นภาพของตัวเองซึ่งยอมรับตั้งแต่แรกเลย ยืนยันว่าเป็นการสอบสวนไม่ได้ช่วยเหลือใคร ทุกอย่างว่ากันไปตามพระธรรมวินัยสงฆ์
ด้าน พระครูปริยัติสารวิสุทธิ์ กล่าวว่า จากวินิจฉัยตามอริยศ 2 ซึ่งมีข้อวินิจฉัยว่า ถ้าอยู่ 2 ต่อ 2 กับผู้หญิงในกรณีที่ลับตา แต่ได้ยินอยู่ ซึ่งมีบุคคลที่เชื่อถือได้มากล่าวหาว่าท่านเป็นอาบัติตั้งแต่ปาราชิกลงมา คือรับอย่างไรให้ปรับอย่างนั้น อีกกรณีอยู่ในที่ลับหูแต่เห็นอยู่ก็จะปรับตั้งแต่สังฆาทิเสสลงมา
และในกรณีที่มีภาพปรากฏนั้น เห็นได้ว่าเป็นสังฆาทิเสส ไม่มีเสร็จกิจในการสมสู่หรือการร่วมเพศ และตัวเจ้าอาวาสก็ไม่ได้รับด้วยเช่นกัน รับเพียงว่าเป็นภาพที่ถ่ายไว้ 3 ปีที่ผ่านมา และรู้จักกับหญิงในภาพ 4 ปี แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่อกันอีก โดยรู้จักกันจากการไปเทศนาธรรม สนใจในธรรมก็ได้มีการพูดคุยและรู้จักกัน
ส่วนภาพที่หลุดมานั้นทางเจ้าอาวาสก็ไม่ทราบว่าหลุดออกมาได้อย่างไร และไม่ทราบว่าใครปล่อยภาพออกมา และไม่ยืนยันว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือไม่ ยอมรับและยอมสึกภายใน 7 วัน เพื่อให้พระพุทธศาสนาไม่เสียหาย ซึ่งจะต้องเคลียร์กับทางญาติโยมและทางสิ่งของต่าง ๆ ก่อน
การพิจารณานั้นพิจารณาจากคำให้การของเจ้าตัวตามพระธรรมวินัย โดยมีภาพถ่ายเป็นองค์ประกอบในการพิจารณา และได้มีการติดต่อทางฝ่ายหญิงแต่ยังไม่สามารถติดต่อได้
จึงไม่ได้ข้อเท็จจริงจากฝ่ายหญิง แต่ได้ข้อมูลจากทางเจ้าอาวาส ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับ โดยเบื้องต้นเป็นทั้งอาบัติสังฆาทิเสสและเป็นอาบัติปาราชิก แต่การพิจารณาโทษเป็นมติคณะสงฆ์ร่วมกันตามพระธรรมวินัย จะแตกต่างจากกฎหมายที่จะตัดสินโดยศาล
โดยมติคณะสงฆ์ได้ลงความเห็นร่วมกันว่า เป็นอาบัติสังฆาทิเสส ให้ออกนอกพื้นที่ปกครองอ.บ้านไผ่ทันที ในอานาคตแม้มีหลักฐานเพิ่มเติมก็สิ้นสุดที่การสึกเช่นเดิม และหากมีหลักฐานเพิ่มต้องมีฝ่ายหญิงยอมรับว่ามีการร่วมเพศกันจึงจะเป็นอาบัติปาราชิกก็ต้องว่ากันในเรื่องของอนาคต
และการสึกด้วยการอาบัติสังฆาทิเสสก็สามารถกลับมาบวชใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่การให้โอกาสทุกอย่างเป็นไปตามพระธรรมวินัย แต่ก็คงอีกนานถึงจะกลับมาบวชใหม่ เพราะศาสนาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศรัทธาญาติโยม หลังจากนี้ก็จะส่งรายงานต่อให้กับทางสำนักพุทธดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายว่า โดย อดีตเจ้าอาวาส หลังจากเปลี่ยนชุดเจ้าตัวได้เดินออกมาจากห้องประชุม ซึ่งเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเสื้อยืดสีเทา กางเกงวอร์มสีดำ หมวกแก๊ปสีดำและสวมใส่หน้ากากอนามัยสีขาว
สังเกตเห็นแววตาว่าเศร้าหมอง ตาแดงมีน้ำตาซึม เหมือนคนเพิ่งร้องไห้เสร็จ โดยได้เดินมุ่งตรงไปขึ้นรถยนต์กระบะ 4 ประตูที่มาจอดรออยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
โดยทางอดีตเจ้าอาวาสได้ยกมือเหมือนจะแสดงสัญลักษณ์ว่าไม่ขอพูดหรือตอบคำถามสื่อ โดยมีน้ำตาซึมและสะอื้นเดินขึ้นรถโดยนั่งด้านหลังฝั่งซ้าย ก่อนที่คนขับจะขับพาออกจากวัดศรีบุญเรืองไปทันที
ดูคลิป
ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ"