5 กุมภาพันธ์ 2568 นาง กุลิสรา ปานเพชร อายุ 46 ปี หรือ "แพรว" ชาว จ.พัทลุง เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง โดยกล่าวหาว่า นางกีรติ ขำดำ อายุ 50 ปี หรือ "ปิง" พี่สาว ว่าเอาพ่อแม่ไปกักขังไว้ในบ้านเช่านานกว่า 3 เดือน โดยไม่บอกให้ตนเองทราบ พร้อมทั้งไม่บอกญาติให้รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน จนกระทั่งเธอกลับมาจากต่างประเทศและได้สืบทราบว่าพี่สาวนำพ่อและแม่ไปขังไว้บริเวณอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในตัวเมืองพัทลุง จึงแจ้งตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือพ่อแม่ให้ตนเองกลับมาเลี้ยงดู เนื่องจากแม่ป่วยติดเตียง พ่อกล้ามเนื้ออ่อนแรง เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
โดย "แพรว" เล่าว่า คือเรื่องในครอบครัว พี่สาวเอาพ่อกับแม่ไปไว้บ้านเช่า โดยไม่ได้แจ้งให้น้องทราบ เพราะมีปัญหากันเรื่องมรดก โดยตนเองเคยไปแจ้งความพี่สาวไว้แล้วด้วย เนื่องจากให้แม่กินยาจิตเวชโดยที่หมอไม่ได้สั่ง คือพอตนเองกลับไปต่างประเทศ พี่สาวก็มาแย่งตัวพ่อแม่อออกไปจากบ้านเลย พร้อมทั้งไปค้นโฉนดที่ดิน และจะให้พ่อโอนที่ดินให้เค้าตอนนั้น แต่พ่อไม่โอนให้เนื่องจากที่ดินที่พี่สาวจะเอานั้น พ่อได้โอนให้ตนเองไปแล้วก่อนหน้านั้น
โดยที่ดินมรดก ก็แบ่งโอนกับพี่สาวเท่า ๆ กัน แต่มีอีกแปลง ที่เป็นชื่อของตนเอง เนื้อที่ 7 ไร่ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท พี่สาวจะเอาที่ดินแปลงนั้นแบ่งกับตนเอง แต่ตนเองไม่ยอม เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่พ่อแม่แบ่งให้ไป บางส่วนพี่สาวได้ขายไปแล้ว ตนเองจึงไม่ยอมให้แบ่งอีก ทำให้เกิดเรื่องหมางใจกันมาตลอด โดยช่วงที่ตนเองเดินทางกลับไปต่างประเทศช่วงสิ้นเดือน กันยายน 2567 ตนเองได้จ้างญาติให้มาดูแลแม่กับพ่อที่บ้าน แต่พี่สาวกลับพาพ่อกับแม่ไปอยู่ที่บ้านของเขา ได้ประมาณ 1 เดือน สามีพี่สาวไม่ให้พ่อกับแม่อยู่ที่บ้าน บอกว่าเหม็นคนพิการ
และแทนที่จะพาพ่อแม่กลับมาไว้ที่บ้าน กลับพาไปอยู่บ้านเช่าขังไว้ในห้อง ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ซึ่งแม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ผลจากการที่พี่สาวให้กินยาจิตเวชในเวลาเกือบ 2 ปี ตอนนั้นตนเองไม่ได้กลับมาไทย โดยกลับมาล่าสุด เมื่อเดือน มิถุนายน 2567 กลับไปต่างประเทศ สิ้นเดือนกันยายน 2567 โดยตอนที่ไปอยู่ต่างประเทศพ่อกับแม่อยู่ที่บ้าน ตนได้จ้างให้หลานเป็นดูแล แต่ถูกพี่สาวพาพ่อแม่ออกไปไว้ที่บ้านเขาก่อนนำตัวไปกักขังไว้ที่บ้านเช่า จนแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจดังกล่าว เพราเกรงหากนานกว่านี้พ่อกับแม่คงไม่รอด เพราะหลายครั้งก่อนหน้านี้ตนเองพยายามดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านพ่อแม่พบพี่สาวชอบดุด่าพ่อกับแม่ และพยายามพิมพ์ลายนิ้วมือพ่อหลายครั้ง แต่พ่อไม่ยอมพิมพ์ ก่อนตามจนเจอว่าพี่สาวได้นำพ่อกับแม่มาไว้ที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าว
"แพรว" บอกอีกว่า เมื่อไปถึงห้องเช่าพบว่าประตูห้องได้ปิดไว้ จึงแจ้งเจ้าของอพาร์ตเมนต์ ว่ามาตามหาพ่อกับแม่ แต่คนดูแลไม่เปิดประตูให้ ก่อนที่คนดูแลโทรหาพี่สาวให้มา แต่ประตูห้องที่พ่อแม่อยู่เปิดไม่ได้พูดคุยนานเกือบชั่วโมง ก่อนใช้ค้อนทุบประตู เพื่อเข้าไปดูพ่อกับแม่ ที่หน้าตาอิดโรย
โดย "แพรว" ผู้เป็นน้องสาวบอกก่อนหน้านี้ พ่อยังเดินได้ตามปกติ แม่ป่วยติดเตียง แต่พ่อมาอยู่นี่ 3 เดือน กลับเดินไม่ได้ ก่อนจะนำตัวพ่อและแม่ ส่งโรงพยาบาลพัทลุง เพื่อให้แพทย์ช่วยเหลือ ตรวจร่างกาย ว่ามีการใช้สารพิษอะไรให้พ่อแม่กินบ้างเนื่องจากร่างกายอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดและหากพบว่า พ่อแม่ถูกวางยาพิษทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ก็จะแจ้งความดำเนินคดีกับพี่สาวต่อไป
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดตามทำข่าวตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าช่วยเหลือ พี่สาว (นางปิง) พยามต่อว่าผู้สื่อข่าวใครใช้ให้ถ่ายคลิปขอให้ลบเสีย ไม่งั้นจะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่ถ่าย
ต่อมาหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวพ่อกับแม่ ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ นางกีรติ ขำดำ อายุ 50 ปี หรือปิง (พี่สาว) ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องที่น้องสาวกล่าวอ้างไม่เป็นความจริง ตนเองไปดูพ่อแม่วันที่น้องสาวไปต่างประเทศไม่เห็นพี่เลี้ยง เลยเอาพ่อแม่มาเลี้ยงที่บ้านโดยจ้างพี่เลี้ยง แต่บ้านแคบไม่มีห้องให้พี่เลี้ยงพัก เลยมาเช่าอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พี่เลี้ยงก็ดูแลพ่อแม่ดี ตนเองก็ไปรับยามาจาก รพ.ให้พ่อแม่กินตลอด คนเป็นลูกไม่ได้คิดทำร้ายพ่อแม่ หวังฮุบมรกด ตามที่น้องสาวกล่าวอ้างแต่อย่างใด
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามทำไมไม่ให้พ่อแม่กลับไปอยู่บ้านตามเดิม พี่สาวบอกกลับไปไม่ได้ เนื่องจากน้องสาวได้แจ้งความตนเอง ไม่ให้เข้าบ้านหลังดังกล่าวหลังมีปัญหากัน