3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่มูลนิธิปวีราหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักูด อ.ธัญุบรี จ.ปทุมธานี เวลา 10.00 น. จากกรณี 4 สาวไทยร้องขอความช่วยเหลือ “มูลนิธิปวีณา” หลังถูกหลอกไปบังคับขายไข่สืบพันธุ์ที่ ประเทศ "จอร์เจีย" โดยเหยื่อเปิดเผยว่า หางานทำในเฟซบุ๊ก ก่อนถูกชักชวนให้ไปอุ้มบุญที่ประเทศจอร์เจียแบบถูกกฎหมาย อ้างให้รายได้ดี 4-6 แสนบาท จึงสนใจเดินทางไป โดยมีจีนเทาเป็นหัวหน้าควบคุมในประเทศไทย และมีคนไทยร่วมขบวนการอยู่ด้วย
ซึ่ง 1 ในเหยื่อ 4 ราย น.ส.นา (นามสมมุติ) ได้ไถ่ตัว 70,000 บาท กลับมาที่ไทยก่อน จากนั้นได้มาร้องทุกข์ที่มูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2567 แจ้งว่า ก่อนหน้านี้เป็นเซลล์ขายของแต่รายได้ไม่พอรายจ่าย เพราะว่ามีลูก 1 คน จึงอยากหาอาชีพเสริมช่วยสามีใช้หนี้ ช่วงเดือนก.ค.2567 ตนได้หางานในโซเชียลโดยค้นหาคำว่า "หางานทำในบ้าน หางานต่างประเทศ" จนได้พบเพจเฟซบุ๊กหนึ่งที่อ้างว่า "มีงานสำหรับผู้หญิง รายได้ 4-6 แสนบาท" ตนจึงติดต่อไป แอดมินบอกว่าเป็นงานอุ้มบุญที่ถูกกฎหมายในประเทศจอร์เจีย ซึ่งมีทางพ่อแม่ชาวต่างชาติที่มีลูกยากจะมาเซ็นสัญญาให้อุ้มบุญ จะดูแลอย่างดีมีที่กินอยู่อย่างสบาย รายได้ 4-6 แสนบาท พร้อมกับจะออกค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ต และจ่ายค่าเดินทางให้ทั้งหมด ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินเรื่องประมาณ 1 เดือน
จากนั้นทางแอดมินก็ให้ตนไปทำพาสปอร์ตและนัดเดินทางในวันที่ 30 ส.ค.2567 โดยไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา เมื่อถึงวันนัดหมายพบว่ามีสาวไทยที่ร่วมเดินทางไปด้วยอีก 10 คน และมีผู้นำพาเป็นสาวไทย 1 คน รวมทั้งหมด 12 คน ซึ่งแต่ละคนไม่รู้จักกัน จากนั้นผู้นำพาได้ให้เงินติดตัวคนละ 500 ดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 15,000 บาท บอกว่าเอาไว้โชว์เวลาที่เจ้าหน้าที่ ตม.ตรวจ เครื่องบินไปลงที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องไปลงที่ประเทศอาร์มีเนีย ผู้นำพาได้ให้ทุกคนนอนค้างที่โรงแรม 3 คืน และพาไปที่ต่างๆ เพื่อถ่ายรูป
และในวันที่ 4 ได้เดินทางโดยรถไฟเข้าประเทศจอร์เจีย ใช้เวลาประมาณ 10 กว่าชั่วโมง เมื่อไปถึงจอร์เจีย ผู้นำพาได้ให้สาวไทยทั้งหมดเข้าพักในโรงแรม 1 คืน และยืดพาสปอร์ตทุกคน ก่อนจะพาไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อที่ขนาดใหญ่ มีบ้านอยู่ 4 หลัง
วันต่อมาตนถูกนำตัวไปที่บ้านหลังที่ 1 ซึ่งเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุด พบสาวไทยอยู่รวมกันกว่า 60 คน บางคนสภาพร่างกายทรุดโทรมนั่งร้องไห้บอกว่าอยากกลับบ้าน วันต่อมาตนถูกย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ 2 ที่มีสาวไทยอยู่ 10 กว่าคน ตนสังเกตเห็นว่าที่บ้านทั้ง 4 หลัง มีแต่สาวไทยรวมแล้วประมาณ 100 คนได้ และบริเวณดังกล่าวจะมีคนจีนเข้าออกตลอดเวลา
ตนได้สอบถามกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นจนทราบว่า หญิงสาวเหล่านั้นถูกหลอกให้มาอุ้มบุญ แต่ก็ไม่มีพ่อแม่ต่างชาติคนไหนมาให้เซ็นสัญญาจ้าง ทุกคนจึงถูกบังคับให้ขายไข่ คนที่ยอมก็จะถูกรีดไข่ทุกเดือนเหมือนไม่ใช่คน สภาพร่างกายย่ำแย่ คนที่ไม่ยอม อยากกลับบ้าน ก็ถูกเรียกค่าไถ่ตัวอ้างว่า เป็นค่าเดินทางและค่ากินอยู่ 50,000-70,000 บาท เหยื่อหญิงสาวหลายคนบอกว่าต้องทนอยู่ เพราะไม่มีเงินไถ่ตัวและถูกข่มขู่ว่า หากกลับประเทศไทยก็จะถูกจับกุมดำเนินคดี ทุกคนจึงกลัวมาก
ทั้งนี้ หญิงสาวที่อยู่ในบ้านทั้ง 4 หลัง จะมีคนจีนเข้าออกพาไปเก็บไข่หมุนเวียนกันอยู่ตลอด สำหรับคนที่ถูกรีดไข่ จะมีการฉีดยากระตุ้นการตกไข่ก่อน เพื่อให้ไข่ตกหลายใบ และเมื่อไข่พร้อมปฏิสนธิก็จะถูกนำตัวมาวางยาสลบ และใช้เครื่องมือดูดไข่ออกไป โดยไม่รู้ชะตากรรมของทารกเหล่านั้นที่จะต้องเป็นเหยื่อค้ามนุษย์จะเป็นเช่นใด? สภาพร่างกายก็ย่ำแย่ไปทุกที หญิงสาวทุกคนที่นั่นเหมือนตกนรกทั้งเป็น
ส่วนตนเองเมื่อรู้ว่าถูกหลอก และไม่ยอมรีดไข่ จึงได้ติดต่อญาติ เพื่อขอให้หาเงินส่งมาไถ่ตัว 70,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีคนในขบวนการที่คาดว่าเป็นหัวหน้า จากนั้นจึงได้รับการปล่อยตัวและซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับไทยวันที่ 9 ก.ย.2567 ทั้งนี้ ก่อนที่ตนจะกลับประเทศไทย มีเพื่อนสาวไทย 3 ราย ที่ถูกหลอกไปเหมือนกัน ซึ่งไม่ต้องการให้กลุ่มคนจีนรีดไข่ และไม่มีเงินค่าไถ่ตัว ได้ขอร้องให้ตนช่วยพากลับบ้าน ตนจึงเข้าร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือเพื่อนสาวไทยทั้ง 3 ราย โดย นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานตำรวจสากลที่ไทยร่วมกับตำรวจสากลระหว่างประเทศนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นายเข้าไปช่วยเพื่อนทั้ง 3 คนออกจากบ้านหลังดังกล่าวที่จอร์เจีย และมูลนิธิปวีณาฯ ได้ช่วยเหลือค่าเครื่องบินในการเดินทางกลับไทยอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า กรณีนี้ถือว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์ที่ทำโดยกลุ่มจีนเทา และมีคนไทยร่วมขบวนการ จึงอยากวอนขอให้รัฐบาลไทย ประสานรัฐบาลจีนตรวจสอบทลายเส้นทางค้ามนุษย์ โดยมีจีนเทาแฝงบัญชาการอยู่ในประเทศไทย ให้รัฐบาลจีนเข้ามาทำการตรวจสอบขบวนการค้ามนุษย์ของจีนเทา และปราบปรามให้สิ้นซาก เพราะถือเป็นภัยมหันต์ มีการรีดรังไข่ในตัวผู้หญิง เพื่อหวังนำไข่ไปขายต่อเพื่อทำเด็กหลอดแก้ว โดยทำเป็นธุรกิจค้ามนุษย์ส่งขายประเทศที่ 3 ซึ่งทารกที่คลอดออกมาอาจจะถูกเก็บสเต็มเซลล์ เพื่อนำไปรักษาโรคหรือเพื่อประโยชน์ของคนบางคน และทารกที่เกิดมาอาจจะต้องเสียชีวิตในที่สุด
"ทั้งนี้ ขอเตือนภัยสาวไทยที่คิดจะหางานทำหรือไปทำงานในต่างประเทศ ควรจะตรวจสอบให้ดี อย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ อย่าไป เพราะไปแล้วอาจไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีอยู่จริง หลายคนต้องไปตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ ถูกกักขัง ทรมาน ถูกทำร้ายร่างกาย บังคับเสพยา ค้าประเวณี บางคนถึงกับเอาชีวิตไม่รอด " ปวีณา กล่าว
และจากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ปี 2567 ปัญหาล่อลวง/ค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ สูงถึง 257 ราย แยกเป็น แจ้งเบาะแสค้าประเวณีในประเทศ จำนวน 53 ราย และขอความช่วยเหลือค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ ต่างประเทศ 204 ราย
กรณีถูกหลอกค้ามนุษยต่างประเทศ มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือกลับมาแล้ว 152 ราย ซึ่งการช่วยเหลืออาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน เพราะฉะนั้น ควรจะตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ดีก่อนตัดสินใจเดินทางเพราะอาจตกเป็นเหยื่อได้