
1 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนนี้ (31 มกราคม 2568) เวลา 19.00 น. ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กิจไธสง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน บ้านนาลาว ว่ามีเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยวังกรูดและตำรวจชุดสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตหน้าบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ม.5 บ้านนาลาว ต.ดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พบชายทราบชื่อต่อมา นายวารี หรือ "เตี้ย" ฤาชา อายุ 31 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดหายใจรวยรินอยู่บนถนน ข้างลำตัวพบมีดขอดายหญ้า 1 เล่ม ตรวจสอบบริเวณใบหน้าถูกยิงด้วยอาวุธปืนแก๊ปเข้าที่หน้าผาก,โหนกแก้มซ้าย และขวา จำนวน 3 จุด อาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสตึกและถูกส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายทองใบ หรือ "แหล่" เยียวรัมย์ อายุ 41ปี ไม่ได้หลบหนีไปไหน นั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บริเวณแคร่หน้าบ้านของตนเองพร้อมด้วยอาวุธปืนแก๊ป(ไทยประดิษฐ์) จำนวน1กระบอก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.สตึก
สอบถามนายแหล่ ให้การกับตำรวจเบื้องต้น ซึ่งยังมีอาการเมาเสียงอ้อแอ้ว่า นายเตี้ย คนเจ็บมีศักดิ์เป็นน้องเขยของตนเอง และอยู่บ้านติดกันก่อนเกิดเหตุได้ไปทำงานรับจ้างก่อสร้างภายในหมู่บ้าน ซึ่งตนเองเป็นช่างทาสี ส่วนนายเตี้ย (น้องเขย) เป็นช่างโครงเหล็ก หลังเลิกงานช่วงเย็นได้ซื้อเหล้ามาดื่มกินกัน ยอมรับไม่พอใจที่ นายเตี้ย พูดหลายครั้งว่า "ทำงานไม่คุ้มกับค่าจ้าง" ลักษณะดูถูกฝีมือและการทำงานเหมือนเยาะเย้ย จึงเกิดการโต้เถียงกันจนมีชาวบ้านมาห้ามปรามและได้แยกย้ายกันไป
หลังจากนั้นตนเองสะพายปืนแก๊ปกำลังจะไปยิงหนูไม่คิดจะยิงใคร แต่บังเอิญเห็นนายเตี้ย ถือมีดวิ่งเข้ามาลักษณะจะเข้ามาทำร้าย จึงใช้ปืนแก๊ปที่สะพายมายิงสวนออกไป 1 นัด เพื่อป้องกันตัว ยอมรับว่ายับยั้งอารมณ์ไม่อยู่ เพราะเสพยาบ้ามา 2 เม็ด บวกกับเหล้าขาว จึงก่อเหตุไปโดยไม่ยั้งคิด
ด้านนางสาวนพนิล สุวงศ์ อายุ 32 ปี เมียนายเตี้ย (คนเจ็บ) เล่าว่า ทั้ง 2 คน เป็นญาติพี่น้องกัน มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำในลักษณะไม่ลงรอยกัน ล่าสุดทะเลาะกันเรื่องค่าแรง โดยสามีตนเองเป็นช่างเหล็ก ได้รับค่าจ้าง วันละ 300 บาท ส่วนนายแหล่ เป็นช่างทาสี ได้รับค่าแรงวันละ 400 บาท ระยะหลังสามีมาเล่าให้ฟังว่า นายแหล่ ทำงานไม่สมกับค่าแรงที่ได้รับจากนายจ้าง ชอบอู้งานบ่อย และเลิกงานก่อนเวลา ประกอบกับทั้งสองคนเมาสุราแล้วชอบทะเลาะกัน แล้วคุยกันไม่รู้เรื่องเนื่องจากต่างคนต่างเมาจึงก่อเหตุดังกล่าว