โจ๋วัย 20 ให้น้องชายรุมซ้อมเมีย เจ็บสาหัส ซ้ำขังให้อดน้ำ อดอาหาร 5 วัน

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 จากกรณีสื่อโซเชียล ได้โพสต์ภาพและคลิปหญิงสาวรายหนึ่ง อายุ 21 ปี ถูกสามีอายุ 20 ปี ที่คบหามาได้ 2 ปี ทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสปางตาย ต่อหน้าลูกชายวัย 9 เดือน ซ้ำร้ายยังให้น้องชายช่วยรุมทำร้ายพี่สะใภ้ ทั้งเตะต่อยกระทืบ ใช้เก้าอี้เหล็กฟาด ให้ค้อนทุบ ใช้เหล็กตี จนคนเจ็บน่วมไปทั้งตัว กระดูหน้าแตก กรามแตก ซ้ำยังมัดมือมัดเท้าขังไว้ในบ้าน ให้อดน้ำ อดอาหาร ตั้งแต่วันที่ 3-7 พ.ย.67 กระทั่งครอบครัวไปนำตัวมาส่งโรงพยาบาลได้สำเร็จ ส่วนลูกชายวัย 9 เดือน ไม่ยอมให้นำตัวออกมาแถมขู่ฆ่า ถ้าใครไปยุ่ง จนล่าสุดเมื่อ 2 วันที่แล้ว ทาง พม.ได้ไปนำตัวเด็กวัย 9 เดือนออกมาได้สำเร็จ ส่วนตัวผู้ก่อเหตุ ตำรวจ สภ.บางระกำ เรียกไปสอบสวนเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็ปล่อยตัวออกมาแล้ว 

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ น.ส.หนึ่ง (นามสมมุติ) เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้บาดเจ็บ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า น้องไอซ์ (คนเจ็บ) ติดต่อหาแม่เขา เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2567 ว่าโดนทำร้ายเหมือนๆติดต่อมาว่า แม่มารับหน่อย โดยแอบเอาโทรศัพท์โทรมาแม่ก็ตกใจว่าเป็นอะไร แม่ก็เลยรีบไปจากบ้านไปหาน้องที่บ้านผู้ชาย อยู่พื้นที่ บ้านดง ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พอเปิดประตูไปก็เจอน้องไอซ์ น้องนอนหงายอยู่ชั้นล่าง คือนอนไม่มีแรงแล้ว แต่ว่าคนที่ทำร้ายอยู่ชั้นบน แล้วก็รีบพากันส่ง รพ.สต. จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวมารักษาต่อที่ รพ.บางระกำ 

ซึ่งตนเองไปเจอน้องที่ รพ.บางระกำ ตอนนั้นสภาพน้องที่เห็นคือเลือดเต็มตัวไปหมด มีหัวแตก หน้าบวมช้ำเขียวจำโครงเดิมไม่ได้ ตอนนั้นลูกชายวัย 9 เดือน ของคนเจ็บอยู่ชั้นบนกับพ่อเขา ก็คือคนก่อเหตุ ไม่ยอมให้ใครไปเอา ถ้าใครไปเอามันจะฟัน ขู่จะทำร้าย พอเอาน้องส่ง รพ.บางระกำแล้ว ก็ส่งตัวไป รพ.พุทธชินราช 

อาการเบื้องต้นคือ ไตมีปัญหา เพราะอดอาหาร อดน้ำหลายวัน ซึ่งน้องยืนยันว่า ถูกให้อดน้ำอดอาหารจริง ให้กินข้าวบูด ถ้าขอกินน้ำ ก็จะเอาน้ำราดตัวไม่ได้ให้กินจนน้องฉี่เป็นเลือดแล้ว ส่วนอาการอื่นคือกระดูกหน้าแตก กรามหัก รักษาอาการกระดูกยังไม่ได้ ต้องรอให้หายบวมก่อน ขณะเดียวกันร่างกายของน้อง มีรอยฟกช้ำทั้งตัว รวมถึงขาและแขน 

ส่วนสาเหตุคือ คนก่อเหตุคิดว่าตัวน้องสาวตนเองมีคนอื่น แต่ยืนยันว่าน้องไม่ได้มีใคร ตัวผู้ชายเขาเหมือนหลอนยา เพราะเขาติดสารเสพติดด้วย ประมาณว่าเค้นให้ได้คำตอบ ไม่ได้ก็จะตี หรือตอบไม่ตรงกับที่คิดไว้ก็ตี เขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน ไม่ได้แต่งงาน อยู่ด้วยกันเฉยๆ มีลูกชายวัย 9 เดือนด้วยกัน 1 คน ที่ผ่านมาเคยรู้มาบ้างเมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วว่า น้องสาวเคยโดนทำร้าย แต่คิดว่าผัวเมียทะเลาะปกติ เพราะไม่เห็นแผล

แต่พอถามน้องครั้งนี้ น้องบอกว่าน้องโดนตีตั้งแต่วันที่ 3 และวันที่ 4-6 พ.ย.2567 ก็โดนทุกวัน โดนซ้ำๆ ไม่ได้พาไปหาหมอ และให้น้องชายช่วยรุมตีด้วย มีอาวุธ เหล็ก เก้าอี้เหล็ก ค้อน ไม่รู้ผู้ก่อเหตุทำอาชีพอะไร แต่ "น้องไอซ์" เป็นแอดมิน วันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจเรียกตัวคนก่อเหตุไปสอบปากคำ แล้วก็ปล่อยตัวกลับ 
ทั้งนี้ ครอบครัวตนเองมองว่าทำไมถึงปล่อยตัว เพราะเป็นเหตุใหญ่ มีคนเจ็บขนาดนี้ ตำรวจก็บอกว่าเป็นเรื่องของขั้นตอนทางกฎหมาย จนเมื่อ 2 วันที่แล้ว ทาง พม จ.พิษณุโลก ได้ไปนำตัวลูกชายวัย 9 เดือนออกมาแล้วไว้กับยาย กับแม่เขาที่ รพ.พุทธชินราช ตอนนี้ทางครอบครัวยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่ยอมความ เพราะคุยกับ "น้องไอซ์" คนเจ็บแล้ว น้องก็ยืนยันไม่มีวันกลับไปอีกแล้ว ขอแค่เอาลูกออกมาให้ได้ ตอนนี้ตนก็ห่วงเรื่องความปลอดภัยของคนในครอบครัว เพราะคนก่อเหตุเคยขู่ฆ่าแม่ไว้ด้วย 

ล่าสุดเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.บางระกำ พบกับ พ.ต.ท.วิชาวินทร์ วีรัชชนะสิทธิ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.บางระกำ ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา แม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บได้มาแจ้งความ ทางตำรวจได้ทำการสอบสวนเบื้องต้นไว้แล้ว และได้ออกใบชันสูตรบาดแผลให้กับโรงพยาบาล เพื่อยืนยันว่าบาดแผลเกิดจากสิ่งใด สาหัสหรือไม่ เพื่อประกอบในการดำเนินคดีผู้ต้องหา 

ส่วนตัวผู้ต้องหาในวันนี้ ได้นำตัวมาทำประวัติ พบเคยมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนเรื่องสารเสพติด ตำรวจชุดสืบได้ตรวจไว้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย.2567 แล้วรอผลจากชุดสืบ ประกอบกับผลยืนยันจากแพทย์เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บว่าสาหัสแค่ไหน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาจากบาดแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้ประสานกับคนเจ็บรอให้อาการดีขึ้น ก่อนที่ตำรวจจะเข้าไปสอบปากคำคนเจ็บที่ รพ.ต่อไป 

สำหรับเด็กวัย 9 เดือน อยู่ในความดูแลของคุณยายเรียบร้อยแล้ว วันนี้ได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ 2 คน คือคนกระทำผิดและน้องชาย ตรวจสอบพบเบื้องต้น เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด มีชุดสืบตรวจค้นที่บ้าน ยังไม่พบยาเสพติด เบื้องต้น ได้นำตัวฝากขังและแจ้งข้อหาความผิดทำร้ายร่างกายและอันตรายทางร่างกายและจิตใจ พรบ.ความรุนแรงในครอบครัว สารเสพติดในร่างกาย แต่ต้องรอผลตรวจบาดแผลจากแพทย์อีกครั้งเพื่อแจ้งข้อหาต่อไป