
จากกรณีอุโมงค์รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงคลองขนานจิต ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ถล่มลง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของไซต์งาน ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในอุโมงค์ จำนวน 3 คน เป็นสัญชาติจีน 2 คน และเมียนมา 1 คน ติดอยู่ภายใน เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา
วันที่ 26 สิงหาคม 2567 ความคืบหน้าล่าสุด จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่สามารถนำตัวผู้ประสบภัยออกมาจากจุดเกิดเหตุได้ แม้ว่าจะมีการตรวจจับสัญญาณชีพที่ระบุได้ว่าทั้ง 3 รายยังมีชีวิตอยู่ โดยเมื่อช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.50 น. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้ด้วย
โดย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เป้าหมายในวันนี้คือการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้รอดชีวิตออกมาได้ ทั้งนี้ จากการพูดคุยพบว่า อุโมงค์ที่เกิดเหตุมีลักษณะการขุดแบ่งเป็น 3 layer ในลักษณะเป็นขั้นบันได ซึ่งการค้นหาในเบื้องต้น ได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนของผู้ประสบภัยได้ ทำให้ต้องมีการปรับแผนงานกันอยู่ตลอดเวลา
สำหรับการลงพื้นที่วันนี้ ตนก็ได้ให้กำลังใจกับทุกคนที่กำลังดำเนินงานอย่างเร่งด่วน และหากต้องการความช่วยเหลือหน่วยงานนอกสังกัด ก็สามารถบอกได้ ทางรัฐบาลจะพยายามซัพพอร์ตอย่างเต็มที่ ซึ่งจากที่ได้รับรายงานพบว่า ขณะนี้อุปกรณ์ในการค้นหามีเพียงพอแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้คุมงาน และการช่วยเหลือก็จะเน้นไปทางหลักของวิศวกรรม
ส่วนตัวมองว่าอาจจะต้องมีการเสริมในเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล ปัจจัยที่ใช้ชีวิตรอดของผู้ประสบภัยที่อยู่ด้านในเช่น การวิเคราะห์ในเรื่องของอากาศก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่น วิเคราะห์ว่าอากาศที่อัดเข้าไปนั้นเพียงพอต่อการดำรงชีพของคนด้านในหรือไม่ ถึงแม้ว่าหลายคนจะกังวลในเรื่องของฝนที่อาจจะตก ซึ่งตนดูแล้วคาดว่าฝนน่าจะยังตกมาไม่มากนัก ส่วนการระบายน้ำด้านในอุโมงค์ ก็มีระบายน้ำอยู่แล้วแต่อาจจะต้องเฝ้าระวังในจุดที่ดินถล่มลงมาเพราะอาจจะมีการสไลด์ตัว
ขณะที่ นายธนนท์ ดอกลัดดา ผู้จัดการโครงการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การค้นหาที่ผ่านมาจะใช้วิธีในลักษณะ ให้ทางเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำเครื่องตรวจจับสัญญาณชีพ เข้าไปสแกนด้านใน เพื่อระบุตำแหน่งของผู้ประสบภัย เพื่อดูความลึก และจุดที่ผู้ประสบภัยอยู่ แต่เมื่อทำการเจาะเข้าไปตามที่เครื่องสแกนระบุตำแหน่ง กลับไม่พบผู้ประสบภัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีการทำไปถึง 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่พบผู้ประสบภัย ทำให้ต้องมีการปรับแผนในการค้นหา โดยครั้งนี้จะเป็นการเจาะท่อไปที่ตำแหน่งของรถดั้ม ตามคำบอกเล่าของคนงานที่อยู่ในเหตุการณ์ และรอดชีวิตออกมาได้
ขณะเดียวกัน มีการนำแบคโฮไปขุดบริเวณด้านบน ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าดินสไลด์ตัวลงมาในอุโมงค์ เพื่อที่จะลดการกดทับของดิน รวมถึงค้นหาผู้ประสบภัยด้วยอีกทางหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูการสโลปตัวของดินด้วยว่า มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ซึ่งปัญหาหลักตอนนี้ก็คงเป็นเรื่องของฝนที่อาจจะตกลงมา เนื่องจากดินมีลักษณะเป็นดินเลน ไม่มีการเกาะตัว เมื่อชั้นล่างถูกขุดออกก็จะสไลด์ตัวลงมาเรื่อยๆ
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้รับการรายงานว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเจาะท่อเข้าไป เหลืออีกประมาณ 4 เมตร จะถึงรถดั้ม ซึ่งเป็นจุดเป้าหมายในการที่จะค้นหาผู้ประสบภัยรายแรก แต่การที่จะดันท่อเข้าไปในระยะความลึกถึง 4 เมตร นั้น อาจจะต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง และการค้นหาในครั้งนี้ ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะหากถ้าไม่เจอผู้ประสบภัย ก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแผนอีกครั้ง