รวบแล้ว นักโทษชายหนีออกจาก รพ. พบนอนซุกใต้หลังคาตึกผู้ป่วย

10 ธันวาคม 2566 จากกรณี น.ช.ธนภัทร (ขอสงวนนามสกุล) หรือต่อ อายุ 37 ปี นักโทษคดีลักทรัพย์ ใช้คีมตัดเหล็ก ตัดโซ่ตรวน หนีออกจากโรงพยาบาลบางละมุง เมื่อช่วงเวลา 02.00 น. วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังเข้ามารับการผ่าตัดอวัยวะเพศ ที่ฉีดเพิ่มขนาด แล้วเกิดการอักเสบ ติดเชื้ออย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2566 ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เช้าวันนี้ (10 ธ.ค.66) เจ้าที่กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษพัทยา ได้ปรับเปลี่ยนแผน ปูพรมค้นหาบริเวณภายในอาคารของโรงพยาบาลบางละมุง หลังแนวทางการสืบสวนสอบสวนเชื่อว่า น.ช.ธนภัทร น่าจะยังอยู่ซ่อนตัวอยู่ภายในโรงพยาบาล 

ปรากฏว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณอาคารสุขใจ ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว แผนกผู้ป่วยจิตเวช ก็พบตัว น.ช.ธนภัทร นอนคุดคู้อยู่ใต้หลังคา ในสภาพอิดโรย โดยยังใส่เสื้อคนไข้สีเขียว แต่เปลี่ยนจากผ้าถุงสีขาว มาเป็นนุ่งกางเกงขาสั้นสีเทา ที่ข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง ยังมีห่วงเหล็กโซ่ตรวนทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จึงเข้าควบคุมตัว ก่อนจะนำตัวไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นภายในห้องฉุกเฉิน

สำหรับอาคารสุขใจ อยู่ห่างจากอาคารตึก 10 ชั้น ที่นักโทษชายรายนี้หลบหนีออกมา ห่างกันเพียงประมาณ 20 เมตร ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เรือนจำพิเศษพัทยา ปูพรมค้นหาในป่าด้านหลังโรงพยาบาล จำนวนหลายรอบ แต่ก็ไร้วี่แวว และเชื่อว่านักโทษยังหนีไปได้ไม่ไกล เนื่องจากเพิ่งได้รับการผ่าตัดอวัยวะเพศ และยังสวมใส่ท่อสวนปัสสาวะ จึงปรับแผนโดยขออนุญาตผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางละมุง เข้าตรวจค้นทุกซอกทุกมุม จนสามารถจับกุมนักโทษหลบหนีรายนี้ได้ในที่สุด

คุมตัว "น.ช.ต่อ" ทำแผนฯ

ต่อมา พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผู้กำกับการ สภ.บางละมุง พร้อมกำลังตำรวจกว่า 20 นาย ได้เคุมตัว น.ช.ธนภัทร ไปทำแผนชี้จุดประกอบคำรับสารภาพในการหลบหนีครั้งนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่เข้ารักษาตัว ด้วยการนอนพักฟื้นบนเตียง ก่อนจะนัดแนะให้ภรรยามาเยี่ยม พร้อมกับนำคีมตัดเหล็กเข้ามาให้ หลังได้รับอุปกรณ์สำคัญจึงเลื่อนผ้าม่านปิด ไม่ให้ใครสังเกตเห็น ตัดเครื่องพันธนาการออก เพื่อให้ง่ายต่อการหลบหนี แล้วอาศัยจังหวะที่ผู้คุมเผลอ เดินเข้าห้องน้ำแล้วย่องออกทางประตูห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดด้านหลัง

จากนั้น ใช้ลิฟท์ลงจากชั้น 7 มายังชั้น 1 แล้วปีนออกทางหน้าต่าง เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล จังหวะนั้นพนักงานรักษาความปลอดภัยเกิดเห็นเข้า แล้วตะโกนสอบถาม จึงรีบวิ่งหลบหนีไปทางด้านของของตัวอาคาร โยนคีมตัดเหล็กทิ้งเข้าป่า แล้ววิ่งอ้อมอาคารไปหลบอยู่บนดาดฟ้าของอาคารสุขใจ แผนกผู้ป่วยจิตเวช แต่ไม่กล้าออกมา เพราะเจ้าหน้าที่วางกำลังกดดันเฝ้าไว้ทุกจุด จนไม่เหลือช่องทางในการหลบหนี ประกอบกับอาการบาดเจ็บ จึงต้องนอนซุกแอบอยู่แบบไร้หนทาง จนกระทั่ง เจ้าหน้าที่พบตัวและเข้าจับกุมดังกล่าว  ส่วนสาเหตุในการหลบหนีนั้น เพียงเพราะคิดถึงลูกคิดถึงเมียจริงๆ ไม่ได้มีปัญหากับนักโทษอื่นในเรือนจำแต่อย่างใด 

จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัว น.ช.ธนภัทร  และ น.ส.วาสนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ภรรยา ซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร ก่อนเคลื่อนย้ายไปฝากขังยังศาลจังหวัดพัทยา เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา น.ช.ธนภัทร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนภรรยาที่ให้การช่วยเหลือ มีความผิดตาม มาตรา 191 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดให้ผู้ที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หลุดพ้นจากการคุมขังไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ