svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าวทั่วไทย

ช้างป่ากว่า 100 ตัว ออกหากินในไร่อ้อยชาวบ้าน แถมติดใจ ไล่ก็ไม่กลับถิ่น

ช้างป่าเขาอ่างฤาไนกว่า 100 ตัว ยกโขลงจากแปดริ้ว ออกหากินในไร่อ้อยชาวบ้าน แถมติดใจ ไม่ยอมกลับถิ่น ด้าน จนท. ทำการผลักดัน แต่ยังไม่เป็นผล

4 ธันวาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากอาสาสมัครชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า ที่บ้านคลองยางหมู่ที่ 11 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ในพื้นที่ป่าสะเดา บนเนื้อที่มากว่า 700 ไร่เศษ (ที่ดินสัมทานกรมป่าไม้เดิม) องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเขาไม้แก้ว (อบต. ) และ องค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง (อบต.) อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก(จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี) ได้บูรณาการร่วมกันผลักดันโขลงช้างป่าที่อพยพข้ามฝั่งจาก จ.ฉะเชิงเทรา ข้ามฝั่งเข้ามาหากิน ในป่าอ้อยของเกษตรกร 

โดยเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังเป็น 3 ชุด ประกอบด้วย ทีมบล็อกพื้นที่โขลงช้างป่า, ทีมเดินเท้าและใช้รถกระบะ-รถไถ เพื่อการเกษตรผลักดัน-ติดตาม และใช้โดรนความร้อนบินสำรวจ เพื่อค้นหาติดตามตำแหน่งโขลงช้างป่า ซึ่งช้างป่าจำนวนมากกว่า 130 กว่าตัว (+) หากินอยู่ในป่าอ้อยของชาวบ้าน 

ช้างป่ากว่า 100 ตัว ออกหากินในไร่อ้อยชาวบ้าน แถมติดใจ ไล่ก็ไม่กลับถิ่น
ขณะที่เจ้าหน้าที่จุดประทัดผลักดัน เพื่อให้ช้างป่าออกจากพื้นที่ พบว่าโขลงช้างป่าได้แตกโขลงเป็น 2 โขลงใหญ่ โขลงแรกมุ่งหน้าไปบ้านคลองตามั่น ต.เขาไม้แก้ว โขลงที่ 2 มุ่งหน้าไปบ้านเนินจินดาและบ้านโคกไม้แดง ต.วังท่าช้าง นอกจากนี้ ยังพบว่ามีช้างเพศผู้กำลังตกมัน 2 ตัว หากิน-คุมขบวนอยู่ท้ายโขลง ขณะที่กำลังผลักดัน ช้างป่าได้เข้าไปอยู่ในป่ายูคาลิปตัส และ แยกตัวออกจากฝูงใหญ่เป็น 3 กลุ่ม ดังกล่าวข้างต้น และย้อนกลับมายังที่จุดเดิมในพื้นที่ป่าสะเดา บนเนื้อที่มากกว่า 700 ไร่เศษ 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พยายามผลักดันออกจากพื้นที่ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากช้างป่าตัวใหญ่ อ้อมไปทางด้านหลังของเจ้าหน้าที่ เกรงว่าช้างอาจชาร์จได้ และพบว่า ในฝั่งตรงข้าม คือ พื้นที่แถบหมู่บ้านห้วยกระโดด และ หมู่บ้านหนองใหญ่ ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เขตรอยต่อกับ จ.ปราจีนบุรี ได้มีการบล็อกพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้โขลงช้างป่าหวนกลับ เนื่องจากเกรงว่าช้างป่าจะทำลายพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ที่เป็นทางผ่าน โดยการจุดปะทัดยักษ์สกัด และยังนำยวดยานทางการเกษตรอาทิ รถพ่วง,รถไถ รถสิบล้อ มาขวางทางผ่านโขลงช้างป่า เจ้าหน้าที่จึงยุติการค้นหาเพื่อความปลอดภัย 

ป้าสายรุ้ง อายุ 47 ปี ชาวบ้านบ้านคลองยาง กล่าวว่า ได้ยินเสียงช้างร้องอยู่หลังบ้านหลายวันแล้ว ด้วยความกลัว จึงใช้เชือกขึงบริเวณหน้าบ้านซึ่งติดกับถนน ซึ่งเป็นทางผ่านของช้างป่าที่เคยผ่านหน้าบ้านเมื่อ 2 ปีติดต่อกันที่ผ่านมา กลัวช้างมากเพราะอยู่บ้านคนเดียวนอนตี 2 ทุกคืน 

ด้าน นายอุเทน ฉายาพัด เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปฏิบัติงาน(ปภ.) อบต.เขาไม้แก้ว กล่าวว่า นายประยูร สมโภช นายกอบต.เขาไม้แก้ว สั่งให้ออกมาเฝ้าระวัง และผลักดันช้างป่าที่มาหากินอยู่ในพื้นที่ ซึ่งได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีช้างป่ามาหากินอยู่ในป่าอ้อยมากกว่า 100 ตัว (+) ทำให้พืชผลการเกษตรของชาวบ้านได้รับความเสียหาย 

จึงจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ฯ และชุดผลักดัน อบต.วังท่าช้าง ร่วมกันผลักดันช้างป่าออกจากพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถผลักดันช้างป่าออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากช้างแตกฝูงแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย และมีช้างตัวใหญ่คุมหลังอยู่ 2 ตัว ฝูงช้างป่าออกจากป่าอ้อยกระจายไปอยู่ในป่ายูคาลิปตัส เจ้าหน้าที่จึงยุติการผลักดันเนื่องจากทราบว่า ฝูงช้างป่าอีก 30 ตัว เข้ามาหาฝูงใหญ่ จึงยุติการค้นหาเมื่อกลางดึก เวลา 22.00 น. 
ช้างป่ากว่า 100 ตัว ออกหากินในไร่อ้อยชาวบ้าน แถมติดใจ ไล่ก็ไม่กลับถิ่น

ขณะที่ นายสุนทร คมคาย จิตอาสาเฝ้าระวังช้างป่า กล่าวว่า โขลงช้างป่าเข้ามาหากินในพื้นที่ร้อยกว่าตัว จึงได้ร่วมกับชุดผลักดันช้างป่าวังท่าช้าง และเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ผลักดันช้างป่าออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่ก็ไม่สามารถผลักดันช้างป่าออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากการผลักดันของเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้ผลักดันช้างกลับไปกลับมา เพราะไม่อยากให้ฝูงช้างกัดกินและทำลายพืชผลการเกษตรของชาวบ้าน 

การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันขาดการประสานงานจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทั้งระดับอำเภอและผู้ว่าฯใน 2 จังหวัด อยากให้ทางอำเภอและจังหวัด เข้ามาช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่ระดับล่างด้วย เมื่อ 3 วันที่ผ่านมาได้ร่วมกันผลักดันมาแล้วก่อนหน้า และในคืนนี้จะร่วมกันผลักดันต่อไป