หนุ่มเมียนมา ตายสยอง ลูกตาถูกควักเป็นรูโบ๋ ร่างเปลือยล่อนจ้อน

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 เหตุฆ่าเปลือยกาย และควักลูกตาในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ร.ต.ท.ชัชวาล ประกอบกิจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.คูคต ได้รับแจ้งว่า มีผู้พบศพคนเสียชีวิต บริเวณชั้นดาดฟ้า อาคารห้องเช่าสูง 4 ชั้น บริเวณซอยวัดประยูร แยก 1 หมู่ 13 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์นิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู 

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต เป็นชาย 1 ราย สภาพศพนอนหงาย ร่างเปลือยกายไม่สวมใส่เสื้อผ้า จากการตรวจสอบตามร่างกาย พบว่า ลูกตาข้างซ้ายถูกควักหลุดออกมา จนเบ้าตาเป็นรูโบ๋ โดยเป็นภาพที่น่าสยดสยอง ต่อผู้ที่พบเห็นยิ่งนัก 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในบริเวณที่เกิดเหตุ  พบรองเท้าผู้ตายตกอยู่ 1 คู่ พร้อมด้วยเสื้อผ้าของผู้ตาย และจากการตรวจสอบตามร่างกาย ไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยถูกทำร้าย โดยแพทย์ได้ทำการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า ผู้ตายน่าจะเสียชีวิตมาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง 

ทั้งนี้ ตรวจสอบตามร่างกาย และเสื้อผ้า ไม่พบเอกสารว่าเป็นใครมาจากไหน กระทั่งสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง จึงทราบว่า ชาวบ้านมักเรียกผู้ตายว่า "ยาว" หรือ "นายยาว" เป็นชาวเมียนมา หรือ ชาวพม่า อายุประมาณ 35 ปี 

ขณะที่ นาย สุก (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า ผู้เสียชีวิต ทำงานอยู่ที่ตลาดสี่มุมเมือง แต่ในช่วงระยะหลัง ได้ถูกนายจ้างไล่ออกจากงาน เนื่องจากชอบดื่มเหล้า โดยผู้ตายอยู่เมืองไทยมานานแล้ว ทั้งนี้ ได้เจอ "นายยาว" ล่าสุด เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ตายพักอาศัยอยู่ที่หอพักตึกที่พบศพ ซึ่งผู้ตายพักอยู่ที่ชั้น 3 โดยผู้ที่พบศพนั้น ได้ขึ้นไปบนดาดฟ้า และไปพบว่ามีผู้เสียชีวิต จึงรีบวิ่งลงมาบอกกับแฟนว่า มีผู้เสียชีวิตอยู่บนดาดฟ้าดังกล่าว  

"ผู้เสียชีวิตนั้น มีนิสัยชอบกินเหล้า เป็นคนสัญชาติเมียนมา หลังจากที่ถูกไล่ออก ก็ไม่ได้ทำงาน จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า เสียชีวิตอยู่บนดาดฟ้า"  

เบื้องต้น ร.ต.ท.ชัชวาล ประกอบกิจ รองสารวัตรสอบสวน สภ.คูคต ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน จากนั้นจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำศพส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อตรวจสอบการเสียชีวิตอีกครั้งและจะได้แจ้งให้ญาติได้รับทราบ เพื่อนำศพไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป