วาง “ปะการังรูปช้าง” เกาะราชาใหญ่หนุนกิจกรรมยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ผนึกกำลังจังหวัดภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และบริษัท ซีแพค กรีน โซลูชั่น จำกัด เครือซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) จัดโครงการ “THE ONE FOR NATURE” ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2 รณรงค์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Responsible Tourism) 

สำหรับไฮไลท์ คือ การปลูกปะการังจากขยะรีไซเคิล  หรือ บ้านปะการังที่มีการออกแบบเป็น รูปช้าง 6 เชือกเพื่อบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นไทย จากนวัตกรรม 3D printing และซีเมนต์ที่ได้รับการรับรองว่าสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล  ซึ่งสัตว์น้ำสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเพาะพันธุ์ตามระบบนิเวศทางธรรมชาติได้จริง รวมถึงได้รับความร่วมมือจากโรงแรมเดอะราชา และกลุ่มนักประดาน้ำมืออาชีพอาสาสมัคร ในนาม “Racha master diver” อาสาดำเนินการติดตั้งบ้านปะการังดังกล่าว ลงสู่ใต้ทะเลอ่าวสยาม เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต

นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. กล่าวว่า การจัดโครงการ “THE ONE FOR NATURE” ยิ่งเที่ยวยิ่งรักษ์ ครั้งที่ 2 เป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ ททท.ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่ความยั่งยืน โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลุ่มคุณภาพให้เข้ามาเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยในรูปแบบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตามแนวคิด “Travel with Responsibility in Thailand” พร้อมสร้างจิตสำนึกให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ (Travel with Care) เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งในการดูแล อนุรักษ์ และรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ (Quality Leisure Destination) อย่างยั่งยืน

นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า โครงการ “THE ONE FOR NATURE”  เป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการช่วยพลิกฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาเติบโตอย่างยั่งยืน โดยอาศัยการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้ามาขับเคลื่อนเพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีในการท่องเที่ยวประเทศไทย   

ด้านนายนเรศ ชูผึ้ง ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 กล่าวว่า หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นกับปะการัง คือ ปะการังฟอกขาว ดังนั้นการฟื้นฟูวางบ้านปะการังเพื่อคืนความสมบูรณ์ให้กับแนวปะการัง จึงเป็นการดึงนักท่องเที่ยวออกมาจากแนวปะการังธรรมชาติ  คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 ปีก็จะกลายเป็นแหล่งดำน้ำใหม่ที่สร้างความยั่งยืนให้กับธรรมชาติอีกทางหนึ่งด้วย