13 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนัดแรก ที่ประชุมมีมติจะลดค่าไฟฟ้าให้เหลือหน่วยละ 4.10 บาท จากเดิมหน่วยละ 4.45 บาท โดยจะเริ่มประกาศใช้ในรอบบิลเดือน ก.ย.66 นี้ ก็ทำให้ประชาชนทั่วประเทศต่างได้รับผลดีกันทั่วหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายนนทษภัฏ อายุ 49 ปี เจ้าของร้านตัดผมมาสเตอร์พีช ตั้งอยู่ถนนสืบศิริ ซอย 3 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ร้านตัดผมของตนเองนั้น ต้องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก เพื่อให้บริการลูกค้าทุกวัน เช่น เครื่องปรับอากาศ, ไดร์เป่าผม, แบตเตอร์เลี่ยน, หลอดไฟ, เครื่องอบผม และเครื่องทำน้ำอุ่นสำหรับสระผม เป็นต้น ในแต่ละเดือนใช้ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 800 หน่วย เฉลี่ยค่าไฟอยู่ที่เดือนละ 3,800-4,000 บาท ช่วงที่พีคที่สุดจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งค่าไฟพุ่งสูงมากเกินกว่า 5,000 บาท ประกอบกับค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นทุกอย่าง ทั้งค่าน้ำมัน ค่าของใช้อุปโภคบริโภค ทำให้โดนไปหลายเด้ง ยังไม่รวมค่าเช่าอาคารเปิดร้านอีก 1 หมื่นกว่าบาท ทำให้เดือดร้อนเป็นอย่างมาก
ซึ่งการที่รัฐบาลปรับลดค่าไฟฟ้าลง จากหน่วยละ 4.45 บาท เหลืออยู่ 4.10 บาทนั้น ถือว่าสามารถช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ผู้ประกอบการอย่างตนเองชอบมากนโยบายนี้ เพราะจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายลงได้ระดับหนึ่ง พอมีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ รัฐบาลควรจะพิจารณาช่วยลดค่า FT ให้ด้วยก็จะดีมากเลย เพราะที่ค่าไฟแพงอยู่ขณะนี้นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากค่า FT ที่เพิ่มสูงขึ้นนั่นเอง