แจ้ง 4 ข้อหา "เสี่ยไหว-เจ๊หลิน" เจ้าของโกดังพลุมูโนะ สารภาพนำเข้าจากจีน
ตำรวจแจ้ง 4 ข้อหา "เสี่ยไหว-เจ๊หลิน" เจ้าของโกดังพลุมูโนะ ทั้งคู่รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เผย นำเข้ามาจากประเทศจีน ด้าน บิ๊กโจ๊ก เตรียมขยายผลเอาผิด 5 หน่วยงานรัฐ ชี้ ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
ความคืบหน้ากรณีตำรวจมาเลเซียควบคุมตัว นายสมปอง ณะกุล หรือ เสี่ยไหว และ น.ส.ปิยะนุช พึ่งวิรวัฒน์ หรือเจ๊หลิน สองสามีภรรยาเจ้าของโกดังเก็บพลุมูโนะ มาส่งมอบให้กับทางการไทยที่ด่านพรมแดนสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาทำบันทึกจับกุมที่ สภ.สะเดา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
5 สิงหาคม 2566 เมื่อเวลา 17.40 น. พนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งข้อหา เสี่ยไหวและเจ๊หลิน จำนวน 4 ข้อหา ได้แก่
- กระทำโดยประมาทและกระทำการนั้นเป็นให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
- ร่วมกันทำ สั่ง นำเข้าหรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- ร่วมกันก่อสร้างดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวเสี่ยไหว และ เจ๊หลิน กลับไปดำเนินคดีต่อที่ สภ.มูโนะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ โดยระหว่างที่นำตัวทั้งสองคนออกจาก สภ.สะเดา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงประเด็นต่าง ๆ แต่สองสามีภรรยาปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ขณะเดียวกันตำรวจได้พาตัวขึ้นรถทันที และมีการใช้รถ 5 คัน ขับตามคุ้มกันอย่างแน่นหนา
มีรายงานว่า เจ๊หลิน ให้การกับตำรวจระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่ สภ.สะเดา ถึงจุดเริ่มต้นการขายพลุประทัดจนกิจการใหญ่โต ว่า เริ่มต้นขึ้่นเมื่อปี 57-58 เดิมตนเป็นเซลล์ขายประทัดของบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นได้แต่งงานกับนายสมปอง จึงย้ายไปอยู่ที่บ้านมูโนะ แล้วก็เริ่มลองสั่งพลุประทัดไปขาย เริ่มต้นจากตั้งโต๊ะขายเล็ก ๆ ขายหน้าร้าน และกิจการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เริ่มสั่งของจากอีกหลายบริษัทจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ หลังจากที่เกิดเหตุโกดังพลุระเบิด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม สองสามีภรรยาได้เดินทางไปมาเลเซีย และได้ย้อนกลับเข้ามาทางด่านบ้านประกอบ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม และกลับออกไปมาเลเซียอีกครั้งเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ก่อนที่จะถูกออกหมายจับ และเข้ามอบตัวในวันนี้
รอง ผบ.ตร. เผย "เสี่ยไหว-เจ๊หลิน" สารภาพนำเข้าพลุจากประเทศจีน
ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำทั้งสองคนให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า ซื้อสินค้ามาจากประเทศจีน มีการขนส่งอย่างไร ขนย้ายอย่างไร ข้ามด่านด้วยวิธีไหน ซึ่งจากการสอบถาม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้รับรายงานว่า การให้ปากคำของ ผู้ต้องหาทั้งสองคน เป็นประโยชน์อย่างมาก
ส่วนกรณีการสอบสวนขยายผลดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทุจริตต่อหน้าที่ หลังสังคมเกิดความสงสัย และติดใจในจำนวนของพลุว่า ทำไมจึงมีปริมาณมากขนาดนี้ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า ในที่เกิดเหตุมีพลุมากถึง 400-500 กิโลกรัม ทั้งที่มีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดูแลถึง 5-6 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
เตรียมเอาผิด 5 หน่วยงานรัฐ ชี้ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
จากนี้ไปต้องไล่ตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่ขั้นตอนของการนำเข้าว่า ได้สำแดงการนำเข้าถูกต้อง หรือไม่ มีการจดแจ้งจำนวนที่นำเข้ามาถูกต้อง หรือไม่ ขั้นตอนการขนส่งมีวิธีการขนส่งอย่างไร มีการอนุญาตจากขนส่ง หรือไม่ เช่น การขนย้ายจากแหลมฉบังไปโรงงานที่บางกล่ำที่ จ.สงขลา หรือขนย้ายจากบางกล่ำไปที่ จ.นราธิวาส ซึ่งเชื่อว่า ขั้นตอนการขนย้ายไม่ถูกต้อง แม้แต่โกดังที่เกิดเหตุ มีการขออนุญาตเป็นสถานประกอบการ แต่ในใบอนุญาตไม่ได้ระบุว่า เป็นการประกอบการอะไร
ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 หน่วยงานจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ จะอ้างว่า ไม่มีคนแจ้ง จึงไม่ทราบไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำการดูแล จึงต้องทำการตรวจสอบ ว่าสถานประกอบการดังกล่าว ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย หรือไม่
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาที่หลายคนสงสัยว่า ที่ผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัว อาจมีการตกลงเงื่อนไขกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องการขอประกันตัวนั้น รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขดังกล่าวแต่อย่างใด