svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

แม่ร้อง"เพจสายไหม" ลูกล้มหัวฟาดในโรงเรียน หวิดดับ นัดไกล่เกลี่ยกลับหนีหาย

แม่ร้อง เพจสายไหมต้องรอดลูกวัย 9 ขวบ ถูกเพื่อนดึงแขนจนล้มหัวฟาดพื้น กะโหลกแตกเกือบเสียชีวิต โรงเรียนจ่าย 2 หมื่น นัดไกล่เกลี่ยหนีหาย

5 สิงหาคม 2566 จากกรณีทางเพจเฟซบุ๊ก "สายไหมต้องรอด-เพจสำรอง" โพสต์เรื่องราว ของคุณแม่ท่านหนึ่งได้ออกมาร้องของความเป็นธรรมให้กับลูกสาว มีข้อความระบุว่า..


#จังหวัดตรัง 
ขอความช่วยเหลือหน่อยคะ ลูกสาวหนูเรียนอยู่ชั้น ป.4/2 โรงเรียนเทศบาล 1 (สังขวิทย์) ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ค่ะ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.66  ลูกสาวโดนเพื่อนกะชากแขนล้มหัวฟาดพื้นอย่างแรง  เหตุเกิด 10.30 น. ครูที่สอนทราบเรื่องจากเพื่อนๆนักเรียนตั้งแต่เกิดเหตุ แต่ไม่แจ้งผู้ปกครอง "ไม่ส่งน้องไปโรงพยาบาล" ให้น้องนั่งเรียนตามปกติ

จนน้องมีอาการซึมเดินไปเรียนในคาบอื่นๆไม่ไหว นั่งเหม่อลอย ครูแต่ละคาบเฉย จนคุณแม่ไปรับน้องที่ รร. เองตอนเลิกเรียน สังเกตุอาการน้องผิดปกติ ถามตอบไม่รู้เรื่อง จึงพาน้องไปส่งรพ. ด้วยตนเอง ขับมอเตอร์ไซด์ไป พอถึง รพ. หมอพบว่าน้องเลือดคลั่งในสมอง ต้องผ่าตัดด่วน หมอสอบถามว่าทำไมไม่รีบพามาตั้งแต่แรก ทำไมถึงปล่อยให้เด็กอาการแย่ขนาดนี้ ตนได้ฟังถึงกับร้องไห้ 

หลังเกิดเหตุทาง รร ให้เงินช่วยเหลือมา 2 หมื่น บอกว่าเรี่ยไรกันมาได้แค่นี้ คุณแม่จึงแจ้งความดำเนินคดีและเรียกค่ารักษาพยาบาล แต่ทาง รร ปฎิเสธบอกไม่มีเงิน ไม่มีประกัน จะให้หาเงินจากใหน  

ตอนนี้น้องอาการดีขึ้นแล้วคะ แต่ยังต้องหยุดเรียน และ ตาของน้องได้รับผลกระทบจากการไปถึง รพ.ช้า ทำให้น้องตาเหล่ เห็นได้ชัด และมีอาการอื่นที่จะต้องฟื้นฟู  แม่นั่งกอดน้องร้องไห้แทบทุกวัน อยากขอร้อง #เพจสายไหมต้องรอด  ช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพวกเราด้วยนะคะ 

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบ ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านเกาะยาว หมู่ 1 ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง พบกับน.ส.ศิริลักษณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และด.ญ.ริญ (นามสมมติ) อายุ 9 ปี เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

น.ส.ศิริลักษณ์ ได้นำเอกสารหลักฐานการแจ้งความ บัตรปะกันอุบัติเหตุที่โรงเรียนทำให้ และบิลค่ารักษาพยาบาลที่ยังค้างอยู่เป็นเงินจำนวน 66,708.50 บาท มาให้ผู้สื่อข่าวได้ดู

น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ลูกสาวของตนอายุ 9 ปี เรียนอยู่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ตอนนั้นตนกำลังทำงานอยู่ที่บริษัท ครูประจำชั้นที่โรงเรียนได้โทรศัพท์มาหาตนพร้อมบอกให้มารับลูกสาวตนด่วน เมื่อตนถามว่าลูกสาวตนเป็นอะไร ครูก็ให้คำตอบไม่ได้ ตนจึงรีบขี่จยย.แล้วรีบไป

เมื่อไปถึงที่โรงเรียนก็รีบไปที่ห้องเรียนชั้น ป.4 ของลูกก็ไม่พบตัว จึงถามครูประจำชั้น ทางครูจึงโทรศัพท์หาครูประจำวิชา ตนไม่รอแล้วจึงเดินออกตามหาพบลูกสาวตนอยู่ใต้อาคาร โดยมีเพื่อนเดินจูงมือมา ตอนนั้นที่พบลูกตนเหงื่อออกทั้งตัว มีอาการปากซีด ตนก็ถามลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนลูกสาวตนตอบมาว่าล้มหัวฟาดพื้นและปวดหัวมากค่ะแม่
แม่ร้อง"เพจสายไหม" ลูกล้มหัวฟาดในโรงเรียน หวิดดับ นัดไกล่เกลี่ยกลับหนีหาย

จากนั้นจึงรีบพาลูกไป รพ.ตรัง โดยอุ้มลูกไว้ในมือ 1 ข้าง ตลอดทางจนไปถึง รพ.ตนก็อุ้มลูกไปหน้าห้องฉุกเฉิน แต่วันนั้นเป็นวันที่มีผู้มาใช้บริการเยอะมากเจ้าหน้าที่จึงบอกให้ตนรอ ขณะนั้นเองลูกสาวตนปัสสาวะราด อุจจาระไหล ตนจึงรีบไปบอกเจ้าหน้าที่

จากนั้นจึงได้เข้าไปเครื่อง MRI อย่างเร่งด่วน ก่อนที่หมอบอกกับตนว่า ลูกสาวกะโหลกร้าว เลือดออกในสมองประมาณ 3 ซม.และเลือดเริ่มกระจาย ตอนนี้กำลังทำการประสานแพทย์เฉพาะทางให้เร่งทำการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1.30 ชั่วโมง ระหว่างที่อยู่หน้าห้องผ่าตัดทาง ผอ.โรงเรียนและคณะครูก็ได้มาดูอาการ 

น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวอีกว่า ตอนนั้นสภาพตนคือนั่งทรุดลงกับพื้นพร้อมกับภาวณาให้สิ่งศักสิทธิ์คุ้มครองลูกสาว ก่อนที่แพทย์บอกกับตนให้ทำใจว่าหลังผ่าตัดลูกสาวตนอาจจะไม่เหมือนเดิม ทางแพทย์ไม่ได้เอากะโหลกน้องออก และใส่ท่อเพื่อดูดเลือดที่ซึมในสมอง พร้อมย้ายไปห้อง nicu เด็ก 

วันต่อมาลูกสาวมีอาการดีขึ้นตนจึงให้ย้ายน้องไปนอนห้องพิเศษเพื่อกันแผลติดเชื้อ ตอนนั้นตนก็ไม่ได้มีเงิน ทางผอ. ได้ให้เงินมาประมาณ 2 หมื่นบาท ตนก็ถามว่าเงินอะไร ทางผอ.ก็ตอบว่า เป็นเงินที่เรี่ยไรมาเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตนจึงรับมาก่อนเนื่องจากตอนนั้นต้องนำมาใช้จ่ายค่า รพ. 
แม่ร้อง"เพจสายไหม" ลูกล้มหัวฟาดในโรงเรียน หวิดดับ นัดไกล่เกลี่ยกลับหนีหาย
หลังจากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองตรัง เพราะต้องการทราบความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวตน ก่อนที่ทางตำรวจประสาน ผอ.เข้าไปสอบสวนเรื่องราวตรงหน้าห้องเรียนไม่มีกล้องวงจรปิด น้องสาวตนที่ไปกับตำรวจก็ทราบเรื่องราวช่วงเวลาพักเที่ยง ในขณะที่ลูกสาวของตนเล่นกับเพื่อน เพื่อนของลูกสาวได้ฉุดมือ แต่ลูกสาวไม่ได้ตั้งตัว ทำให้ลูกสาวล้มลงหัวกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ซึ่งลูกสาวปวดหัวและมึนหัว แต่ก็ยังทรงตัวได้และไปเล่นกับเพื่อนต่อตามปกติ

หลังจากนั้นเวลาประมาณ 13.00 น. ลูกสาวตนได้บอกกับคุณครูคาบวิชาถัดไปว่า ล้มหัวกระแทกพื้นและมีอาการเจ็บที่บริเวณศีรษะ คุณครูได้ช่วยทายาให้ และให้น้องไปเรียนต่อโดยไม่ได้โทรแจ้งคุณแม่ ซึ่งให้น้องนั่งเรียนต่อจนถึงวิชาสุดท้ายเวลา 15.15 น. คุณครูเห็นท่าทางของน้องไม่ปกติเหมือนจะไม่สบายจะหลับตลอดเวลาจึงโทรบอกคุณแม่ให้มารับเนื่องจากน้องไม่สบาย

จากนั้นทางตำรวจจึงทำการนัดประสานไกล่เกลี่ยกับทาง ผอ.โรงเรียน ในตอนนั้นทางผอ.กล่าวขอบคุณตนที่ไม่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบอกใคร ช่วยปิดข่าวให้โรงเรียน อยากให้ช่วยเหลือทางไหนก็บอกมาได้เลย ตนจึงเรียกร้องเป็นเงินสดประมาณ 3 แสนบาท เนื่องจากตอนนั้นตนไม่ทราบว่าลูกสาวตนจะกลับมาเป็นปกติหรือไม่และค่ารักษาจะไปสิ้นสุดตรงไหน 

นอกจากนี้เรียกจากผู้ปกครองของเด็กคู่กรณี 1 แสนบาท พร้อมบอกว่า ถ้าไม่ไหวให้แจ้งตนได้ ตนก็ไม่อยากได้เงินตรงนี้จากแม่เด็กคู่กรณี เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ

พอครั้งที่ 2 ก็นัดไกล่เกลี่ยที่ สภ.เมืองตรัง ทางตำรวจก็บอกตนว่าจะพยายามถามว่าวันนี้จะจ่ายเงินให้ผู้เสียหายได้หรือไม่ จากนั้นตนก็ได้ยินเสียง ผอ.พูดว่า เด็กมีเป็นร้อยคน ถ้ามีปัญหาแล้วต้องจ่าย 3 แสนทุกคน ไม่ตายเหรอ ในวันนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

หลังจากนั้นก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเจรจาจากผอ.มาโดยตลอด ก่อนที่ตำรวจแนะนำตนให้ไปฟ้องร้องต่อศาลเอง เนื่องจากสิ้นสุดกระบวนการของตำรวจแล้ว เพราะเวลานัดไปก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงเลื่อนนัดจาก ผอ.ตลอดเวลา ตอนนี้ตนสงสัยว่าตอนแจ้งกับ รพ.ว่าขอใช้สิทธิประกันอุบัติเหตุ ที่ทาง รร.ทำให้แต่ทาง รพ.แจ้งว่าไม่สามารถใช้ประกันภัยตัวนี้ได้ เมื่อตนสอบถามไปทางรร. ครูก็รับปากว่าจะตรวจสอบให้ ผ่านมาตอนนี้ก็ไม่ได้รับคำตอบ 

น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากทราบว่าทำไมครูไม่แจ้งตนมาตั้งแต่แรกว่าลูกสาวตนหัวฟาดพื้น ทั้งที่เป็นกฎข้อแรกเลยเมื่อเด็กประสบอุบัติเหตุต้องพาไปปธมพยาบาลแจ้งผู้ปกครอง ถ้าอาการหนักนำส่ง รพ. ทำไมต้องปิดตน ต้องให้ไปรับดูอาการเอง มารู้ตอนที่ลูกสาวไม่สามารถบอกอะไรตนได้แล้ว ทางผู้บริหารเทศบาลก็นำกระเช้ามามอบให้ครั้งเดียวและไม่สอบถามติดต่อตามเรื่องให้เลย

ด้วยหน้าที่การงานของตนและสามีก็ไม่สามารถที่จะไปจ้างทนายฟ้องร้อง จึงร้องเรียนผ่านเพจสายไหมต้องรอดให้เข้าช่วยเหลือ วงจรชีวิตตนคือตื่นมาส่งลูกไปโรงรียน ทำกับข้าว สอนการบ้านเลี้ยงดูลูกให้ได้รับความสุข มีเท่านี้จริงๆ ทำไมทางโรงเรียนไม่เห็นใจครอบครัวตนบ้าง

น.ส.ศิริลักษณ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังออกจาก รพ. ตอนนี้ลูกสาวตนก็มีอาการดีขึ้น มือข้างซ้ายยังอ่อนแรงอยู่ ต้องใช้ความพยายามเวลาเขียนหนังสือ ปวดบริเวณข้อมือ หมอบอกว่าให้น้องพยายามออกกำลังและสังเกตุอาการ หมอให้ยากันชักมารับประทานต่อเนื่อง กะโหลกยังไม่สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็ได้ย้าย รร.ให้ลูกแล้ว เพิ่งไปเรียนได้ 2 วัน ซึ่งทางครูที่รร.ใหม่ก็ช่วยกันดูแลและประเมินอาการน้องเพราะ ป.4 จะเรียนหนักขึ้น

"ตอนนี้ลูกสาวตนเหนื่อยง่าย เขียนหนังสือบางทีก็หลับฟุบคาโต๊ะ เพิ่งไปบวชโกนหัวแก้บนให้ลูกสาวมา 7 วัน ลูกสาวตนเป็นเด็กที่เข้มแข็งอดทนต่อความเจ็บปวด พร้อมทั้งบอกให้แม่อย่าไปต่อว่าเพื่อน เพราะเป็นอุบัติเหตุ และที่ตนโกนหัวเพราะอยากโกนหัวเป็นเพื่อนลูก ไม่อยากให้รู้สึกโดดเดี่ยว ทางครอบครัวให้กำลังใจลูกสาวเป็นอย่างดี"