เตรียมแจ้งความเอาผิด แนวร่วม หลอกเด็กถือรูปโจรใต้ที่ถูกวิสามัญ

27 กรกฎาคม 2566 ความคืบหน้ากรณี แนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ บ่มเพาะสร้างความแตกแยกและเกลียดชังรัฐ โดยการหลอกให้เด็กนักเรียนตาดีกา ถือรูปคนร้าย ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ ในกิจกรรมขบวนพาเหรด ของ ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยพบว่า เคยก่อเหตุลักษณะเช่นนี้มาแล้ว เมื่อปี 57

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• แนวร่วมโจรใต้ปลุกผี ใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ปลูกฝังสร้างความเกลียดชังรัฐ

ล่าสุด กอ.รมน. ภาค 4 นำโดย พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เชิญทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูลพร้อมจัดทำเป็นโมเดลตัวอย่าง การเข้าไปควบคุมการจัดกิจกรรม ในลักษณะดังกล่าว รวมถึงเตรียมแจ้งความดำเนินคดี  ข้อหาละเมิดสิทธิเด็กต่อบุคคลที่สาม 

พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า กรณีการขบวนเดินพาเหรดของ ต.น้ำบ่อ แล้วมีกิจกรรมบางส่วน ที่เป็นพฤติกรรมที่ดูแล้วไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก ของพี่น้องประชาชน ทั้งในและนอกพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างกว้างขวาง 

ทางแม่ทัพภาค 4 ได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรง กับการจัดกิจกรรม ตั้งแต่ นายก อบต.บ้านน้ำบ่อ , กำนัน , ผู้ใหญ่บ้าน , โต๊ะอีหม่าม รวมทั้งครูโรงเรียนตาดีกา นอกจากนี้ยังมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สช.อำเภอ , สช.จังหวัด , สปก.อำเภอปะนาเระ และ ฉก.ในพื้นที่ รวมทั้ง กองกำลังตำรวจ จังหวัดปัตตานี มาร่วมประชุมหารือ

ผลการประชุมในวันนี้ โดยเฉพาะในส่วนของ คณะกรรมการจัดงาน ล้วนต่างรู้สึกเสียใจ ต่อกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุกคนได้ยืนยันตรงกันว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้าง ความสามัคคี ของพี่น้องประชาชน และเด็ก ๆ ทั้ง 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.บ้านน้ำบ่อ 

ทางคณะผู้จัดมีเจตนาที่ดี กลับมีบุคคลที่สาม มาทำให้กิจกรรมผิดเพี้ยน ไปจากวัตถุประสงค์ ซึ่งทางคณะผู้จัด พร้อมจะประสานความร่วมมือ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดี ที่มาทำให้กิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ 
 

จากนี้ จะใช้มาตรการทางกฎหมาย โดนประสานให้กองกำลังตำรวจจังหวัดปัตตานี เป็นหน่วยเจ้าภาพ ในการรวบรวมพยานหลักฐาน ในการเอาผิดกลุ่มบุคคล ในการใช้เด็กมาเป็นเครื่องมือ เพราะถือว่า เป็นการกระทำที่ชั่วร้าย ขัดต่อ พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเด็ก 

และจะต้องมีการสร้างความเข้าใจ ได้มอบหมายให้ศูนย์สันติวิธี และ สำนักมวลชนและกิจการพิเศษ จัดทำแนวทางในการเสริมสร้างความเข้าใจ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และโต๊ะอีหมาม เพื่อใช้เป็นโมเดล ในการจัดกิจกรรมในพื้นที่ กำหนดให้ กอ.รมน.จังหวัด , สปก.อำเภอ , สช.จังหวัด , สช.อำเภอ ได้กำหนดแนวทาง ในการจัดกิจกรรมในลักษณะแบบนี้ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี เข้ามาแสวงประโยชน์

โดยเฉพาะการใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เป็นการแก้ปัญหาที่เป็นรากเหง้า รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันในเด็ก ภาพรวมทุกกลไกของภาครัฐ ได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาการบ่มเพาะเด็ก โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจกับพ่อแม่ผู้ปกครอง 
 

นอกจากนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้สะท้อนถึง องค์กรณ์ภาคประชาสังคมในพื้นที่ ด้วยว่า หลังเกิดเรื่อง กลับไม่มีองค์กรใด ๆ ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มขบวนการ ยุติการใช้เด็กมาเป็นเครื่องมือ ขอฝากไปถึงองค์กรเหล่านี้ ที่กำลังเพิ่มไอโอในพื้นที่ ต้องเคลื่อนไหวอยู่ภายใต้เจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์

โดยเฉพาะเรื่องของการปกป้องและคุ้มครองเด็ก จากการถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการสร้างความเกลียดชัง และสร้างความรุนแรง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 19 ปี อยากให้องค์กรเหล่านี้ ออกมาเรียกร้องให้ผู้ที่กำลังกระทำ ได้ยุติพฤติกรรมเหล่านี้ เพราะเด็กคือผ้าขาว เด็กคือผู้บริสุทธิ์