
6 กรกฎาคม 2566 ความขัดแย้งของการรังวัดที่ดิน ที่บานปลายจนหวิดวางมวย เนื่องจากไม่ยอมให้ย้ายเสาไฟฟ้า เพื่อก่อสร้างถนนคอนกรีต เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าพนักงานที่ดิน ลงพื้นที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ผู้รับเหมาก่อสร้างถนนคอนกรีต กับ เจ้าของที่ดินข้างเคียง ซึ่งไม่ยินยอมให้รังวัดที่ดิน และย้ายเสาไฟฟ้า ทำให้การก่อสร้างสะดุด เหมือนเสาไฟฟ้าตั้งอยู่บนถนน
ขณะที่ชาวบ้านเผยเคยตกลงกันแล้ว แต่อาจจะมีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง เรียกร้องค่าย้ายเสาไฟ 6 ต้นจำนวนเงิน 250,000 บาท จึงเกิดการโต้เถียงดุเดือด หวุดหวิดวางมวยกลางแจ้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัทรพล เหล่าราช ปลัดอำเภอ ฝ่ายศูนย์ดำรงธรรมอำเภอห้วยเม็ก พร้อมด้วยเจ้าพนักงานที่ดินสาขาหนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่ดินบริเวณถนนกำลังก่อสร้าง ทิศเหนือบ้านหนองรัง ต.คำเหมือดแก้ว อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายวันชัย คำแหงพล ประธานสภา ทต.คำเหมือดแก้ว นายบพิตร งอมสระคู กำนันตำบลคำเหมือดแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองช่างฯ ทต.คำเหมือดแก้ว ผู้นำชุมชน ผู้รับเหมาก่อสร้าง และชาวบ้าน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า 30 คน ให้ข้อมูล
บรรยากาศการเจรจาเป็นไปด้วยความตึงเครียด อีกฝ่ายต้องการเห็นมีการรังวัดที่ดินเพื่อความชัดเจน เนื่องจากได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรังวัดแล้ว แต่อีกฝ่ายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงกลับไม่ยินยอม
เจ้าหน้าที่จึงที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณี 2 ฝ่าย คือ ฝ่าย ทต.คำเหมือดแก้ว ผู้นำชุมชน ผู้รับเหมาและชาวบ้าน ซึ่งอยู่ฝ่ายเดียวกัน กับอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงกับถนนที่กำลังทำการก่อสร้าง
ทั้งนี้มีการอ้างว่าทรัพย์สินได้รับความเสียหาย จึงคัดค้านการรังวัดที่ดิน ทั้ง 2 ฝ่ายจึงเกิดการถกเถียง และยังไม่สามารถหาข้อยุติลงได้
นายวันชัย คำแหงพล ประธานสภา ทต.คำเหมือดแก้ว กล่าวว่า เดิมถนนสายนี้เป็นถนนลูกรัง เพื่อความสะดวกในการสัญจรประกอบอาชีพ และขนส่งผลผลิตภาคการเกษตร ทต.คำเหมือดแก้ว จึงได้จัดสรรงบประมาณดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตบ้านหนองรัง ระยะทางประมาณ 1,120 เมตร กว้าง 6 เมตร
การดำเนินการเพื่อพัฒนาท้องถิ่นตามแผนพัฒนาตำบล มีการประชาคมและผ่านมติเห็นชอบของทุกฝ่าย แต่การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ เพราะมีชาวบ้านรายหนึ่ง ซึ่งมีที่ดินติดกับโครงการก่อสร้าง ออกมาคัดค้านการก่อสร้าง ไม่ยอมให้มีการย้ายเสาไฟฟ้าและรังวัดที่ดิน จึงเห็นมีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่บนผิวถนน 6 ต้น และไม่สามารถเทคอนกรีตได้ ทั้งๆที่ก่อนลงมือก่อสร้าง ได้พูดคุยกันเป็นที่เข้าใจแล้ว
ขณะที่ชาวบ้านหลายราย ที่มีพื้นที่ติดกับถนนที่กำลังก่อแสร้าง ทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวา ต่างก็ยินยอมพร้อมใจ ไม่คัดค้าน อยากจะได้ถนนคอนกรีตสู่ไร่นา และนำความเจริญมาสู่ชุมชน
“ก่อนหน้านี้ ได้พูดคุยด้วยเหตุด้วยผลกับเจ้าของที่ดิน ซึ่งทีแรกก็ตกลงกันด้วยดี ทาง ทต.คำเหมือดแก้วจึงได้ประสานไปทางสำนักงานที่ดิน สาขาหนองกุงศรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ อ.ห้วยเม็ก มาทำการรังวัดเพื่อสอบแนวเขตให้ชัดเจน แต่ไม่รู้ยังไงชาวบ้านรายดังกล่าวจึงเปลี่ยนใจ ไม่ยอมให้มีการรังวัดที่ดิน คาดว่ามีมือที่สามเข้ามาแทรกแซง”
นายวันชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังอ้างว่าโครงการสร้างถนนรุกล้ำพื้นที่ เรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 250,000 บาท เมื่อฝ่ายเราไม่ทำตามข้อเสนอ จึงไม่ยอมให้ผู้รับเหมาย้ายเสาไฟฟ้าออกจากแนวสร้างถนน ในขณะที่หากจะสอบแนวเขตที่ดินจริงๆ ก็จะได้รู้ชัดเจนว่าแนวเขตเป็นแนวตรงดิ่งหรือโค้งยังไง โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตหรือใครรุกที่ดินที่เป็นทางสาธารณะกันแน่ เพราะหากไม่มีการรังวัดพิสูจน์ความจริง ก็จะไม่มีวันรู้คำตอบ
ด้านนายลำพูน โสโท อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 163 หมู่ 1 บ้านคำเหมือดแก้ว เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ตนจำเป็นต้องอ้างสิทธิ์ในฐานะเจ้าของที่ดิน เพราะโครงการก่อสร้างได้ทำแนวถนนรุกเข้ามาในส่วนที่เป็นที่ดินของตน โดยลงมือสร้างเลนฝั่งทิศตะวันออกก่อน ก่อนที่จะมาสร้างเลนฝั่งตะวันตกติดกับที่ดินของตน ถนนที่เคยเป็นลูกรังทำเป็นถนนคอนกรีตความกว้าง 6 เมตร จึงขยับเข้ามากินที่ดินของตน
ท่อระบายน้ำ ระบบจ่ายน้ำ สวนทะเรียน ต้นมะม่วง ป่าหวาย ได้รับความเสียหาย เพราะถ้ารังวัด อาจจะมีการย้ายเสาไฟฟ้าเข้ามาในพื้นที่ของตน ซึ่งจะทำให้เสียที่ดิน เพื่อกันแนวถนนอย่างแน่นอน จึงไม่ยินยอมให้มีการรังวัดเกิดขึ้น
นายลำพูน กล่าวอีกว่า อยากเรียกร้องความเสียหายกับฝ่าย ทต.คำเหมือดแก้วและผู้รับเหมาด้วย
ขณะที่นายภัทรพล เหล่าราช ปลัดอำเภอ ฝ่ายศูนย์ดำรงธรรม อ.ห้วยเม็กกล่าวว่า เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย ไกล่เกลี่ยกันไม่ได้ ขั้นตอนต่อไปก็อาจอาศัยอำนาจของศาล เพราะทุกอย่างต้องเดินหน้า ผู้รับเหมาก็ต้องการทำงานให้เสร็จ เพื่อส่งมอบงาน
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหานี้ทราบว่า ก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ฝ่ายมีการพูดคุยเรื่องค่าเสียหายและค่าย้ายเสาไฟฟ้า ขณะที่ทางผู้รับเหมาจะรับผิดชอบค่ารังวัดที่ดิน และย้ายเสาไฟฟ้าให้ เพราะโครงการนี้ก็ได้ย้ายเสาไฟฟ้าให้ชาวบ้านรายอื่นแล้วหลายต้น แต่วันนี้เจ้าของที่ดินข้างเคียงที่ติดกับถนนกำลังก่อสร้างรายนี้กลับเปลี่ยนใจ จึงไม่อาจไกล่เกลี่ยและรังวัดได้
“หากยังไม่ตกลงกันได้ ทางศูนย์ดำรงธรรมฯ ก็จะทำหนังสือไปยังสำนักงานที่ดิน เพื่อขออำนาจศาลดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป”
นายภัทรพล กล่าวอีกว่า จากการสอบถามข้อมูลจากชาวบ้าน ทราบว่านายลำพูน เคยทำงานเป็นผู้รับเหมาเกี่ยวกับติดตั้งเสาไฟฟ้า ต่อมาได้นำเสาไฟฟ้ามาติดตั้ง โดยยึดแนวตามหลักปักเขตเดิมซึ่งเป็นเสาไม้ และไม่ได้ยื่นเรื่องหรือแจ้งกับ ทต.คำเหมือดแก้ว และที่ดินสาขาหนองกุงศรี พอมีการพัฒนาถนนลูกรังเป็นถนนคอนกรีตในแนวตรง จึงปรากฏว่าผิวถนนไปครอบกับเสาไฟฟ้าที่นายลำพูนนำมาฝังไว้จำนวน 6 ต้น หรือระยะทางประมาณ 100 เมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายลำพูน ยืนยันว่าเสาไฟอยู่ในเขตที่ดินของตน จึงมีปัญหาพิพาทที่ดินในครั้งนี้ โดยตัวแทนทั้ง 2 ฝ่ายเกิดการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด จนเกือบวางมวยเกิดขึ้น