16 มิถุนายน 2566 จากกรณี ด.ญ.นันทิดา อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านห้วยอีจีน ต.ตาดกลอย อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูกที่บริเวณหัวเข่าด้านซ้าย นอนร้องด้วยความเจ็บปวดทั้งวันทั้งคืน ต่อมาโรงเรียนได้โพสต์ขอรับบริจาคจากผู้ใจบุญเพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากทางบ้านมีฐานะยากจน
หลังจากนั้นสื่อมวลชนก็ได้มีการนำเสนอข่าวเรื่องราวของเด็กหญิงคนดังกล่าว ปรากฏว่ามีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งผู้ใจบุญโอนเงินเข้าบัญชีที่เปิดรับบริจาคเป็นจำนวนมาก จึงได้ปิดรับบริจาคและได้เดินทางไปปิดบัญชีแล้ว
นางทัศนีย์ อายุ 40 ปี แม่ของ ด.ญ.นันทิดา เปิดเผยว่าหลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวการขอรับบริจาคปรากฎว่ามีหน่วยงานต่าง ๆ เช่น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เขตพื้นที่การศึกษา กาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมทั้งภาคเอกชนได้เข้ามาช่วยเหลือ เช่น พัฒนาสังคมฯเตรียมที่จะสร้างห้องน้ำให้ เนื่องจากเดิมไม่มีห้องน้ำ จิตอาสาภาคเอกชนเตรียมที่จะปรับปรุงบ้านให้ มอบรถสามล้อไฟฟ้าให้ครอบครัว
นอกจากนั้น ผู้ใจบุญจากทั่วประเทศได้ร่วมโอนเงินเข้าบัญชีที่เปิดรับบริจาคจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,440,882.49 บาท ตนและครอบครัวรวมทั้งโรงเรียนที่เป็นผู้โพสต์ขอรับบริจาคได้เห็นเหมือนกันว่าควรปิดรับบริจาค เพราะจำนวนเงินมากพอที่จะใช้รักษาและดูแลลูกสาวแล้ว จึงได้ดำเนินการปิดบัญชีเป็นที่เรียบร้อย
"ตนและครอบครัวต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่เป็นสื่อกลาง รวมทั้ง ขอบคุณผู้ใจบุญทุกๆ ท่านที่ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือในครั้งนี้ ตนและครอบครัวจะใช้เงินตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคใช้รักษาน้องจนหาย และรวมทั้งเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกสาวในอนาคตต่อไป" นางทัศนีย์ กล่าว
ด้าน นางรัตนา ครูโรงเรียนบ้านห้วยอีจีน ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของ ด.ญ.นันทิดา เปิดเผยว่า โรงเรียนไม่นึกว่าจะมีผู้บริจาคช่วยเหลือ ด.ญ.นันทิดา มากขนาดนี้ ครั้งแรกจะโพสต์เพียงเพื่อหาเงินให้ครอบครัวเป็นค่าเดินทางพาลูกสาวไปรักษาตัวเท่านั้น เพราะเห็นว่าครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีแม้เงินที่จะพาลูกไปรักษา ปรากฏว่ามีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือและบริจาคเป็นจำนวนมาก จึงได้ขอปิดบัญชีการรับบริจาค
และหลังจากปิดบัญชีแล้วก็จะนำไปฝากที่ธนาคารออมสินสาขาหล่มเก่า รวมทั้งตั้งคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ปกครองของน้อง ครู และผู้ปกครองท้องถิ่นในพื้นที่ ในการดูแลและเบิกจ่ายเงินบริจาคให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทางโรงเรียนห้วยอีจีนต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาคราชการ เอกชน และผู้ใจบุญที่มาร่วมแรงร่วมใจในการช่วยเหลือน้องในครั้งนี้