
11 มิถุนายน 2566 ภาพเหตุการณ์แก๊งโจ๋ ก่อเหตุรุมทำร้ายนักท่องเที่ยว จากนั้นได้ขับรถไล่ทำร้ายต่อ กว่า 20 กิโลเมตร จนได้ก่อเหตุรุมทำร้ายอีกรอบ ปาก้อนหินใส่ และทุบรถก่อนจะขับรถผู้เสียหายจากจุดเกิดเหตุ ไปทิ้งข้างทางที่นครนายก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีเหตุกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันบนถนน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณยูเทรินหน้าการประปาส่วนภูมิภาค จ.นครนายก จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งฮอนด้า สีเหลืองหมายเลขทะเบียน บศ 8XXX กรุงเทพมหานคร จอดอยู่บริเวณริมถนน แต่ไม่พบตัวเจ้าของรถ และผู้ได้รับบาดเจ็บเมื่อตรวจสอบภายในรถ พบว่ามีรอยถูกทุบ กระจกแตกรอบคันประตูรถฝั่งคนขับและฝั่งด้านข้างคนขับหักและมีก้อนหินจำนวนมากตกอยู่ภายในรถ
ในรถยังมีทรัพย์สินต่างๆอยู่ภายในรถเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นอย่างละเอียด โดยให้ผู้สื่อข่าวได้ช่วยยืนดูเป็นพยาน และบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเกรงว่าจะมีทรัพย์สินภายในรถนั้นสูญหาย
เมื่อตรวจสอบภายในรถอย่างละเอียดไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายใดๆซึ่งระหว่างตรวจค้นอยู่นั้น ก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คน เป็นชาย 2 คน และหญิงอีก 1 คน ได้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ โดยชายทั้ง 2 คน ได้รับบาดเจ็บ 1 คนมีบาดแผลถูกของมีคมตามร่างกาย และอีก 1 คนนั้นบริเวณศีรษะ ปูดบวมเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้รีบปฐมพยาบาล เบื้องต้นก่อนนำตัวผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่งไปรักษาต่อที่ รพ.นครนายก
หลังจากที่ตนโดนรุมทำร้ายแล้วจึงได้รีบเดินทางกลับเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย แต่เมื่อตนขับรถออกมาจากจุดเกิดเหตุ เพื่อที่จะเดินทางกลับ กทม.อยู่ๆ ก็มีกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเดิมนั้น วิ่งออกมากลางถนนเพื่อที่จะขวางรถตนแต่ตนไม่ได้จอด และได้เร่งเครื่องรถหนีทันที
จากนั้นกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้ขับรถไล่ตามมาจำนวน 3-4 คัน โดยมีการพยายามที่จะปาดหน้าเพื่อที่จะให้รถตนนั้นหยุด ตลอดทางซึ่งตนนั้นได้ขับหนีมาประมาณ 20 กม. เมื่อมาถึงจุดเกิดเหช่วงจะยูเทรินกลับรถรถเกิดเครื่องดับ ตนและเพื่อนในรถวิ่งหนีลงจากรถหลบไปบริเวณบ้านคน กลุ่มผู้ก่อเหตุบางคนได้วิ่งไล่ตามใช้ขวดตีที่หัวตนจนหัวปูดบวม แต่เพื่อนผู้ชายอีก 1 คน และผู้หญิงอีก 1 คน ได้วิ่งกันไปคนละทาง ไม่รู้ว่าไปทางไหน
ระหว่างผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับน้องเอ (นามสมมุติ) เจ้าของรถ เพื่อนอีก 2 คน นายบี (นามสมมุติ) และน.ส.ซี ได้เดินกลับมา ที่จุดเกิดเหตุ พบนายบี มีบาดแผลถูกของมีคมบาด ตามร่างกาย หลายจุด ส่วนน.ส.ซี ไม่ได้รับบาดเจ็บ
นายบี ระบุว่า บาดแผลตามร่างกายไปโดนอะไรมา น้องบีเล่าว่า ได้วิ่งหนีไปในบ้านคน แต่บ้านนั้นมีรั้วลวดหนาม ตนจึงพยายามจะตะปีนรั้วลวดหนาม แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นได้วิ่งตามมาทัน และใช้ก้อนหินปาใส่และได้เอามีดพกฟันก่อนหนีกลับไป
ขณะที่ น.ส.ซี บอกว่าตนไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะวิ่งเข้าไปหลบในบ้านคนซึ่งอยู่ริมถนนตรงจุดเกิดเหตุพอดี มีผู้หญิง 2 คน กลุ่มผู้ก่อเหตุ นั้นได้วิ่งตามเข้ามา พยายามจะให้ตนออกมาจากบ้านที่ตนหลบอยู่ แต่เจ้าของบ้านได้ช่วยยืนขวางเอาไว้ให้ ซึ่งระหว่างที่ผู้หญิง 2 คน กำลังคุยกับตนและเจ้าของบ้านอยู่ ได้มีผู้ชายอีก 1 คนวิ่งตามเข้ามา พยายามจะชักปืนที่เอวเพื่อยิงตน แต่ผู้หญิง 2 คน แรกนั้นได้ห้ามเอาไว้ก่อน จากนั้นทั้งหมดก็ได้วิ่งหนีไปขึ้นรถกลับไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พยายามหาภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุจนสามารถเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ช่วงที่ผู้เสียหายวิ่งหนีลงจากรถ จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุบางส่วนก็ได้วิ่งไล่ตามทำร้ายผู้เสียหาย ทั้ง 3 คน ไปคนละทิศละทาง
จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุบางส่วนก็ได้พยายาม ทุบรถปาก้อนหินใส่ ถีบประตูรถ และพยายามจะหักประตูรถของผู้เสียหาย ซึ่งก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุจะหลบหนี ก็ได้ขับรถของผู้เสียหายนั้นไปไกลกว่า 500 เมตร จากจุดเกิดเหตุ ก่อนพุ่งลงไปจอดทิ้งบริเวณริมถนน จากนั้นก็ได้หลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำรถของผู้เสียหายไปเก็บรักษาไว้ช่วยคราวที่ สภ.เมืองนครนายก เพื่อรอผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดออกจาก รพ. และมาให้ปากคำอีกครั้ง เพื่อที่จะติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
หลังจากที่ผู้เสียหายได้ออกจาก รพ. ก็ได้เดินทางมาแจ้งความต่อที่สภ.เมืองนครนายก โดยผู้เสียหายนั้นยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยชุดสืบสวนจะเร่งตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เนื่องจากก่อเหตุอุกอาจมากเกินไป
สำหรับบริเวณจุดเกิดเหตุอยู่กลางเทศบาลเมืองแบบนี้ ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนและผู้ใช้รถบนท้องถนนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง อยู่เป็นจำนวนมาก ยังกล้าก่อเหตุขนาดนี้ หากประชาชนโดนลูกหลงไปด้วยจะรับผิดชอบไหวมั้ยซึ่งหากกลุ่มผู้ก่อเหตุเห็นข่าวแล้ว ให้เข้ามามอบตัวได้ทันที ที่ สภ.เมืองนครนายก ซึ่งไม่สามารถหนีพ้นแน่นอนเพราะคลิปต่างๆเห็นทั้งรถและหน้ากลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน
ชมคลิป