ชาวบ้านผวา ช้างป่าภูหลวงยังวนเวียน หากินในพื้นที่ 2 ตำบล

30 พฤษภาคม 2566  ที่บริเวณป่าดอนหัวไร่ปลายนา ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านวังแคน ต.โนนสะอาด อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทต.โนนสะอาด พร้อมด้วย ผู้ใหญ่บ้านวังแคนและฝ่ายปกครองหมู่บ้าน ได้ร่วมกันเฝ้าระวัง ช้างป่าจำนวน 2 เชือก ที่เข้ามาในพื้นที่ไร่ นา ของชาวบ้านโดยอาศัยหลบซ่อนตัวอยู่ตามดอนป่าพื้นที่ไม่มาก บริเวณหัวไร่ปลายนาของชาวบ้าน โดยช้างป่า 2 เชือก มีอายุ 4-5 ปี ตัวหนึ่งจะมีขนาดใหญ่ แต่ไม่มีงา ส่วนอีกตัวหนึ่งตัวเล็กกว่าจะมีงาสีขาวโผล่มาให้เห็นประมาณ 10 นิ้ว ทั้ง 2 เชือก เป็นช้างป่าจากเขตอุทยานแห่งชาติภูหลวง ที่หลงฝูงออกมาหากินในพื้นที่เป็นเวลาร่วม 2 อาทิตย์แล้ว 


จากนั้น นายประสาท พาน้อย นายกเทศมนตรีตำบลโนนสะอาด พร้อมคณะฝ่ายบริหาร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริเวณพื้นที่ ซึ่งมีชาวบ้านพบว่าช้าง 2 เชือก ที่ได้ถูกผลักดันออกจากเขตพื้นที่ บ้านตาลเดี่ยว บ้านสระแก้ว ต.นากอก พื้นที่ติดกันเมื่อคืนนี้ เข้ามาอยู่ในเขตของหมู่บ้านวังแคน ต.โนนสะอาด 

โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายณัฐพล มาเหล่านาถ ผู้ใหญ่บ้านวังแคน หมู่ที่ 17 ได้ร่วมกันกับชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ป่าหัวไร่ปลายนาของชาวบ้านในหมู่บ้าน และได้พบเห็นช้างทั้ง 2 เชือกจริง ที่บริเวณริมป่า ห่างจากตัวประมาณ 10 เมตร จึงได้มีการแจ้งเตือนชาวบ้าน ห้ามไม่ให้เด็กหรือชาวบ้านเข้ามาใกล้ในพื้นที่ โดยทางเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง กลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ได้ติดตามพฤติกรรมช้างป่าที่ออกนอกพื้นที่ได้แจ้งกับ ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทต.โนนสะอาด ผู้ใหญ่บ้านวังแคน ไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปรบกวน เข้าใกล้ช้างป่า จะทำให้ช้างป่าไม่ได้พักนอน กินอาหารไม่เต็มที่ อาจจะเกิดความเครียดและดุร้ายได้

ซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งได้พยายามเข้าไปตรวจสอบบริเวณดอนป่าที่พบช้างป่า กลับไม่พบว่ามีช้างอยู่ และได้เห็นรอยช้างข้ามไปอยู่ป่าดอนแห่งใหม่ติดริมทุ่งนา ห่างจากจุดเดิมไปประมาณ 800 เมตร ซึ่งขณะที่ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่เฝ้าดูสังเกตพฤติกรรมของช้างอยู่ห่างๆ ประมาณ 500 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันฯจึงแจ้งผู้ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวให้เงียบเสียง เท่าที่จากการสังเกตพฤติกรรมของช้างที่อยู่ริมป่าจะนิ่งเงียบฟังเสียงและดูท่าทีของคน

จนเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ช้างตัวใหญ่ที่ไม่มีงา ได้ค่อยๆ เดินออกมาจากชายป่า กระดิกหู ส่ายหัว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าเป็นลักษณะอารมณ์ดีของช้างและวนเวียนอยู่ใกล้ๆกับป่า พร้อมทั้งได้ใช้เท้าขุดดินนอนลง ใช้งวงกอบดินขึ้นมาโปรยเล่นดินอยู่ประมาณ 5 นาที ก่อนจะเดินเข้าป่าไปหาช้างอีกตัวที่โผล่เพียงหัวออกมาให้เห็นงาเท่านั้น

ในขณะที่ชาวบ้านที่มีที่ไร่ที่นาอยู่ในบริเวณที่พบช้างป่า ก็ไม่กล้าออกไปทำไร่ทำนาและกรีดยางพาราโดยเฉพาะในยามค่ำคืน กลัวจะได้รับอันตรายจากช้างป่า จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้หาวิธีที่ผลักดันช่างป่ากลับพื้นที่ป่าให้เร็ว เพราะรู้สึกกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นขณะที่นอนอยู่ตามเถียงไร่ เถียงนา ซึ่งชาวบ้านต่างรู้สึกตื่นกลัวไม่คุ้นชินกับเหตุการณ์นี้ เพราะว่าเป็นเวลาประมาณ 50 ปี มาแล้ว ไม่เคยมีช้างป่าเข้ามาในพื้นที่ ทำให้ตอนนี้ชาวบ้านรู้สึกกลัวอันตรายหากออกไป ทำไร่ ทำนา ถึงแม้ว่าในขณะนี้ช้างทั้ง 2 เชือกจะดูลักษณะเชื่องไม่ทำอันตรายกับใคร แต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี

จ่าเอก คุณากร ภักดีแขก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทต.โนนสะอาด กล่าวว่า 1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมเจ้าหน้าที่สถานวิจัยและพันธุ์พืช กรมอุทยาน และชุด ชรบ.บ้านศรีภูทอง และบ้านวังโพนคึมน้ำเกลี้ยง ตำบลโนนสะอาด ได้เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของโขลงช้าง จำนวน 2 ตัวมาโดยตลอด และบางวันได้ลงมาถึงบ้านพักอาศัยของชาวบ้านและกินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน โดยส่วนมากจะออกหากินเวลากลางคืน และจะเข้าหาที่พักนอนในช่วงเวลากลางวัน

โดยพฤติกรรมของช้าง จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่อุทยานภูหลวงที่มีความชำนาญ บอกว่า หากอาหารอุดมสมบูรณ์ช้างจะกลับมากินอีก ชุดของเจ้าหน้าที่จะพยายามผลักให้ช้างกลับเข้าป่าโดยธรรมชาติ เท่าที่สังเกตจะเห็นว่าช้าง 2 ตัวนี้ จะไม่มีอาการดุร้าย แต่หากช้างไม่อิ่ม หิว ถูกผลักดัน ช้างจะมีอาการดุร้าย จึงต้องรอให้เขากินอิ่มและกลับเข้าป่าโดยธรรมชาติ จึงขอร่วมมือให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในท้องถิ่นท้องที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้รับทราบและบอกต่อ อย่าเข้าใกล้ หากพบเห็นให้แจ้งผู้นำท้องถิ่นท้องที่ทราบ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ขณะที่ นายประสาท พาน้อย นายกเทศมนตรี ทต.โนนสะอาด กล่าวว่า เดี๋ยวนี้ชาวบ้านรู้สึกขวัญผวา กลัว ไม่กล้าจะออกไปทำการไร่ ทำนา ไม่กล้าที่จะออกทำมาหากินกันแล้ว การเข้ามาของช้างในพื้นที่เป็นเวลาเกือบสามอาทิตย์แล้ว เราจะทำอย่างไรก็ไม่ได้ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยาน เนื่องจากไม่มีความรู้ ความชำนาญการในเรื่องนี้ แต่ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาธารณภัยของเทศบาลออกติดตามพฤติกรรมของช้างร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการแจ้งเตือนให้กับชาวบ้าน ให้ได้ระมัดระวังอันตรายจากช้างป่าตลอดมาตั้งแต่ทราบข่าวว่ามีช้างป่าเข้ามาในพื้นที่