
17 พฤษภาคม 2566 ความคืบหน้ากรณีที่ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี เข้าแจ้งความ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี สามีของตัวเอง หลังบังคับให้ไปหลับนอนกับชายแปลกหน้า 2 ครั้ง เพื่อเป็นการขัดดอกหนี้ค่ายาเสพติด อีกทั้งยังแอบถ่ายคลิปไว้ข่มขู่
ต่อมา ตำรวจสามารถจับกุม นายธีรพัฒน์ สามี นางเอ ขณะไปรับจ้างปลูกมันอยู่กับแม่ที่ อ.วังสะพุง จ.เลย แต่นายธีรพัฒน์ ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้บังคับภรรยาให้หลับนอนกับชายอื่น และอ้างว่า ภรรยาสมยอมเอง เพราะเป็นคนมีรสนิยมชอบมีเซ็กส์หมู่ และยอมให้ถ่ายคลิปเอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุด ตำรวจชุดจับกุม ได้นำตัวนายธีรพัฒน์ ผู้ต้องหา มาที่ สภ.นางรอง ท้องที่เกิดเหตุ พบว่า ผู้ต้องหามีอาการเครียด โดย พ.ต.อ.กัมพล วงษ์สงวน ผู้กำกับการ สภ.นางรอง ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า ตนและภรรยากับชายอีกคน ได้มีเพศสัมพันธ์กัน ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง และมีการถ่ายคลิปจริง เหตุการณ์เกิดขึ้นเกือบ 2 ปีแล้ว แต่ไม่ได้เป็นการบังคับขู่เข็ญภรรยา เป็นการยินยอมมีเพศสัมพันธ์กับแบบ 3 คน โดยตนและภรรยา ได้มีการพูดคุยปรึกษากัน ก่อนจะออกไปหาผู้ชายคนอีกคน
ทั้งนี้ เหตุที่ยอมมีอะไรกับแบบ 3 คน เพราะภรรยาชอบ แต่ตนต้องไปด้วย และจะต้องเป็นคนหาผู้ชายเอง ด้วยการติดต่อผ่านแอปหาคู่ แต่มีเงื่อนไขว่า ห้ามพูดคุยถามชื่อ หรือขอเบอร์ ไลน์ หรือเฟซบุ๊กกัน เสร็จก็จบแค่นั้น และยอมรับว่า ทำแบบนี้ 2 ครั้ง กับผู้ชายคนเดิมที่ติดต่อผ่านแอปหาคู่
ทั้งยังอ้างว่า ภรรยาอยากได้ผู้ชาย 5 คนด้วยซ้ำ แต่ตนไม่ยอมหาให้ ตามที่ภรรยาขอ ยืนยันว่า ไม่ได้บังคับเมียให้หลับนอนกับผู้ชายคนอื่น เพื่อขัดดอกค่ายาเสพติด หรือติดหนี้ ตามที่ภรรยากล่าวอ้างแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องถ่ายคลิปยอมรับว่า มีการถ่ายไว้จริง โดยภรรยาก็ยินยอมให้ถ่าย เพื่อเก็บไว้ดู ไม่ได้นำไปเผยแพร่ และภรรยาเองก็ถ่ายคลิปไว้เหมือนกัน การที่ภรรยาแจ้งความจับ เพราะพยายามจะเลิกกับตัวเองมากกว่า ส่วนตัวยืนยันว่า ยังรักและอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาเหมือนเดิม และไม่ได้โกรธที่ภรรยามาแจ้งความเอาผิด
ผู้กำกับการ สภ.นางรอง ระบุว่า จากที่ผู้ต้องหาให้ข้อมูล ก็เป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา แต่ตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นไม่สามารถอยู่ในภาวะขัดขืนได้ โดยบันทึกภาพหรือเสียง การกระทำชำเราหรือการกระทำอนาจารนั้นไว้ เพื่อแสวงประโยชน์โดยมิชอบต่อตนเองหรือผู้อื่น , และร่วมกันพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กลอุบายหลอกลวง ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจผิดครองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจวิธีอื่นใด” พร้อมคัดค้านประกันตัวในชั้นสอบสวน
เนื่องจากผู้ต้องหาและผู้เสียหาย เป็นสามีภรรยากัน จึงเกรงจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และอาจเกิดปัญหารุนแรงขึ้นแรง และหลังจากพนักงานสอบสวน สอบปากคำเสร็จ ก็จะนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดนางรองในวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.)
จากนั้นผู้สื่อข่าว ได้โทรศัพท์ไปสอบถามนางเอภรรยา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่สามีไม่ยอมรับความจริง ทั้งยังกล่าวอ้าง ให้ตนเองเสื่อมเสียอีก ยืนยันว่าตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ และจะต่อสู้จนถึงที่สุด และจะไม่กลับไปใช้ชีวิต อยู่กับสามีอีก เพราะรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว