ชาวบ้านอ่างทอง ร้องศูนย์ดำรงธรรม - ป.ป.ช. สอบสร้างดาดคอนกรีตคลองตาแม้น

2 มีนาคม 2566 ที่ จ.อ่างทอง ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 ต.ป่างิ้ว อ.เมือง และชาวบ้านใกล้เคียงกว่า 50 คน นำรายชื่อกว่า 200 รายชื่อ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ จากการก่อสร้างดาดคอนกรีตคลองตาแม้น หรือคลอง 2 ขวา 3 ซ้าย เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอ่างทอง

โดยชาวบ้านเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฏหมาย เนื่องจากไม่มีการประชาคมชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะชาวบ้านหมู่ 5 ซึ่งเป็นจุดก่อสร้าง แต่กลับไปทำประชาพิจารณ์ ถามความเห็นกับชาวบ้านในพื้นที่อื่นแทน ทำให้ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรไม่เห็นด้วย เพราะมีตัวอย่างจากคลองดาดคอนกรีตหลายแห่ง ที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ และวิถีชีวิตของชาวบ้าน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• ชาวนาป่างิ้ว ค้านสร้างดาดคอนกรีตคลองตาแม้น เกรงกระทบนาข้าวกว่าพันไร่ 

ซึ่งหลังมีการคัดค้านออกไป เจ้าหน้าที่ชลประทานแจ้งว่า จะเข้ามาพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้าน แต่ผ่านไปนานกว่า 2 สัปดาห์ ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ กระทั่ง 2 วันก่อน กลับมีการนำป้ายมาติดตั้ง แจ้งว่าจะดำเนินการก่อสร้างในวันที่ 15 มี.ค. - ส.ค.นี้

ชาวบ้านจึงรวมตัวกันมายื่นหนังสือ ขอให้มีการตรวจสอบ ทั้งนี้เมื่อโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษายางมณี ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการทราบว่า ชาวบ้านจะเดินทางมาร้องเรียน ก็แจ้งทางโทรศัพท์เข้ามาที่ตัวแทนชาวบ้านว่า จะเข้ามาพูดคุยกับชาวบ้านในวันที่ 8 มี.ค. นี้ แต่ชาวบ้านยืนยัน จะให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ตรวจสอบ 
 

จากนั้นทางชาวบ้านทั้งหมด เดินทางไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.อ่างทอง เพื่อยื่นหนังสือกับ ว่าที่ร้อยตรี คทาวุธ คลังนุช ผู้อำนวยการ ป.ป.ช.อ่างทอง ให้มีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างดังกล่าวว่า ถูกต้องตามระเบียบข้อกฏหมายของทางราชการหรือไม่ เพราะระยะทางเพียง 2.5 กิโลเมตร ใช้งบประมาณกว่า 20 ล้านบาท โดยทางศูนย์ดำรงธรรมอ่างทองจะลงพื้นที่สังเกตการณ์ในวันที่ 8 มี.ค. นี้ ด้วย 

 

ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรีคทาวุธ แจ้งกับทางชาวบ้านว่า เบื้องต้นจะดำเนินการตรวจสอบโครงการก่อสร้างดังกล่าวว่า ถูกต้องหรือไม่ โดยจะเรียกเอกสารหลักฐาน จากทางเจ้าของโครงการมาตรวจสอบ รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ในวันที่มีการชี้แจงชาวบ้านด้วย
 

สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการปรับปรุงดาดคอนกรีต คลอง 2 ขวา 3 ซ้าย ของโครงการส่งน้ำแลบำรุงรักษายางมณี ได้รับงบประมาณการก่อสร้าง 20 ล้านบาท ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ในระยะเวลาดำเนินการว่าจ้าง บริษัทเอกชนเพื่อดำเนินการ