"กัน จอมพลัง" นำพริตตี้สาวถูกอดีตแฟนทำร้าย บุกสภ.พานทอง หลังคดีไม่คืบ
"กัน จอมพลัง" นำสาวพริตตี้ เหยื่อถูกแฟนหนุ่มใช้ความรุนแรง กัดหน้าจนเสียโฉม ไม่สามารถไปทำงานได้ บุกทวงถาม"สภ.พานทอง" หลังคดีไม่คืบหน้า ยืนยันเอาผิดถึงที่สุด ขณะตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
กัน จอมพลัง ได้พาผู้เสียหาย มาแจ้งความเพิ่มเติม และติดตามความคืบหน้าในเรื่องคดี จากที่ผู้เสียหายโดนผู้ชายที่คบกันเพียง 2 เดือนกัดใบหน้า ทำให้ไม่สามารถไปทำงานได้ เนื่องจากน้องผู้เสียหายต้องใช้หน้าตาทำงานในช่วงกลางคืน ที่ก่อนหน้านี้ถูกกัดจมูกมาครั้งหนึ่งแล้ว และยังถูกด่าด้วยคำหยาบคาย
อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังมีญาติเป็นตำรวจ และยังระบุว่าเป็นผู้ติดตามทวงหนี้ของนักการเมืองใหญ่ ทำให้หวั่นเกรงจะไม่ได้รับความยุติธรรม
ส่วนที่ว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย คนอื่นห้ามยุ่งนั้น "กัน จอมพลัง" ระบุว่า เรื่องนี้ยิ่งต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องของการทำร้ายร่างกาย ใช้ความรุนแรง พฤติกรรมความรุนแรงในครอบครัวไม่ควรที่จะปล่อยปะละเลย พร้อมฝากถึงผู้หญิงทุกคนว่าหากถูกทำร้ายร่างกายแบบนี้ให้มาแจ้งความเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
นอกจากนี้ฝากถึงตำรวจว่าควรให้ความเป็นธรรมและช่วยเหลือ ไม่ควรบอกปัดความรับผิดชอบว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา ซึ่งเรื่องนี้ตัวเองยังได้ประสานไปยังสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดชลบุรี ให้เข้ามาข่วยเหลือดูแลผู้เสียหาย และคุ้มครองความปลอดภัยผู้เสียหายด้วย
ขณะผู้เสียหาย น.ส.บี เล่าว่า เธอรู้จักกับอดีตแฟนหนุ่ม รู้จักผ่านการรับงานเอนเตอร์เทน กระทั่งเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. แฟนหนุ่ม ชวนไปนั่งที่บ้านเช่าห้องแถวเเห่งหนึ่งในตำบลพานทอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี แต่ปฏิเสธดื่มเหล้าด้วย เนื่องจากเหนื่อยจากการทำงาน ทำให้อดีตแฟนหนุ่มไม่พอใจ ผลักเธอเข้าไปในห้องน้ำ และใช้มือบีบคอเธอ
หลังจากนั้น ก้มลงกัดเข้าที่ใบหน้าหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณเบ้าตา ทำให้มีเลือดไหล เธอพยายามขัดขืนหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ ระหว่างนั้นฝ่ายชายมีท่าทีสะใจ ตอนนั้นตกใจมาก ก็เลยขอโทษอดีตแฟนหนุ่ม หวังจะให้อดีตแฟนหนุ่มใจเย็นลง สุดท้ายเธอรีบเข้าไปในห้องน้ำ เห็นเลือดไหลเต็มใบหน้า เธอก็เลยขอให้อดีตแฟนหนุ่มหยิบกระดาษทิชชู่มาให้ และพาไปโรงพยาบาล
นอกจากนี้เธอยังบอกว่า อดีตแฟนหนุ่มวีดีโอคอลหาตำรวจระดับสารวัตร แล้วอ้างว่าเป็นญาติกัน ซึ่งปลายสายเห็นใบหน้าเธอผ่านวีดีโอคอล แต่ไม่ให้การช่วยเหลือ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกกัดหน้า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 เธอเคยถูกกัดจมูกมาแล้ว แต่ครั้งนั้นไม่ได้แจ้งความ
ขณะที่ พ.ต.ท.อานุภาพ คาดีวี รองผู้กำกับการ สอบสวน สภ.พานทอง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน บอกว่า หลังจากผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความ ได้ส่งตัวฝ่ายหญิงไปตรวจร่างกายแล้วเบื้องต้น พบว่ามีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย หากภายใน 20 วัน บาดแผลยังคงอยู่ ผู้เสียหายสามารถเข้าไปพบแพทย์เพื่อขอใบรับรองแพทย์ใหม่ได้
หลังจากแจ้งความ ได้นัดให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาไกล่เกลี่ยแล้ว 1 ครั้ง โดยให้ชำระค่าเสียหาย 40,000 บาท แต่ผู้ก่อเหตุชำระแค่ 1 หมื่นบาท จึงอยู่ในขั้นตอนระหว่างการไกล่เกลี่ยอยู่ ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายอ้างว่าฝ่ายชายรู้จักกับตำรวจระดับสารวัตร รองผู้กำกับบอกว่าต่อให้รู้จักจริง ก็ไม่มีผลกับสำนวนคดี
