svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

แม่ลูกอ่อนวัย 17 อุ้มลูกวัย 10 เดือน หนีตายร้องสื่อถูกแฟนใหม่ทำร้าย(มีคลิป)

23 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม่ลูกอ่อนวัย 17 อุ้มลูกน้อยวัย 10 เดือน หนีตายร้องสื่อหลังถูกแฟนใหม่ทำร้าย รอดหวุดหวิด หลังสาดทินเนอร์ใส่พร้อมจุดไฟแช็ก โชคดีออกมาทัน

23 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา เขตพื้นที่อำเภอประจันตคาม มีแม่ลูกอ่อนวัย 17 ปี ถูกแฟนใหม่วัย 23 ปี ทำร้ายพร้อมลูกชายวัย 10 เดือน ก่อนเข้าแจ้งความและไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล โดยทางญาติและเพื่อนได้ร้องขอให้ ดร.ผึ้ง เกณิกา อุ่นจิตร์ ช่วยเหลือฝ่ายชายจึงยอมให้แม่ลูกอ่อนวัย 17 ปี หอบลูกกลับบ้านอีกอำเภอหนึ่ง

ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายหญิงวัย 17 ปี พร้อมเด็กวัย 10 เดือน ได้รับบาดเจ็บก่อนมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เมื่อช่วงเช้าฝ่ายหญิงที่ถูกทำร้ายได้มีคนมารับตัวไปจากบ้านเพื่อพาไปที่ สภ.ประจันตคาม เพื่อให้ถอนแจ้งความ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับถอนแจ้งความ ทาง ดร.ผึ้ง เกณิกา  หลังจากได้รับการร้องขอจึงได้เดินทางเข้าทำการช่วยเหลือ 2 แม่ลูกทันที ในเรื่องของคดีความ เบื้องต้นได้เจอตัวแม่วัย 17 ปี และลูก ตรวจสอบตามร่างกายพบมีตามขาทั้ง 2 ข้างมีร่องรอยคล้ายแผลเป็นจุดดำอยู่หลายแห่งคาดว่าน่าจะเกิดจากรอยไหม้

ดร.ผึ้ง เกณิกา ขณะสอบถามแม่วัยเยาว์

จากการสอบถามนางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เปิดเผยว่า รู้จักกับฝ่ายชายเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมาจากการเล่น facebook หลังจากนั้นลูกตนป่วยนอนอยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากออกจากโรงพยาบาลตนจึงได้ไปพักอาศัยอยู่กับฝ่ายชาย ซึ่งวันแรกที่ไปอยู่ด้วยกัน ก็ถูกทางฝ่ายชายทำร้ายร่างกาย สาเหตุคาดว่า น่าเกิดจากการหึงหวง เพราะฝ่ายชายได้เอาโทรศัพท์ของตนไปเปิดดู พบรูปภาพเก่าของตนที่ถ่ายกับแฟนเก่าที่ยังไม่ได้ลบ

จากนั้นดีกันได้ 2-3 วัน เขาก็ทำร้ายร่างกายอีก ล่าสุดวันที่ 21 ม.ค. ลูกชายวัย 10 เดือน ร้องไห้ฝ่ายชายได้ตะคอกบอกว่า ร้องไห้ทำไมรำคาญ จากนั้นได้ผลักและเตะลูกชาย และตบตีตน ซึ่งก่อนหน้านั้นได้สาดทินเนอร์ใส่ตนพร้อมลูกและจะจุดไฟแช็เผาตนกับลูกตน จึงรีบอุ้มลูกวิ่งหนีออกมา ซึ่งตนมีแผลช้ำบริเวณข้อศอกด้านขวา ส่วนลูกชายมีรอยช้ำอยู่บริเวณแผ่นหลัง โดยลักษณะของฝ่ายชายนั้นมักจะมีอาการโมโหร้ายเป็นประจำ

ดร.ผึ้ง เกณิกา อุ่นจิตร์ กล่าวว่า จากการสอบถามน้องฝ่ายหญิงที่โดนกระทำเคสนี้เป็นเคสที่น่าเป็นห่วงและน่าตกใจมาก เพราะว่าน้องได้รับอันตราย จากการที่ฝ่ายชายสาดทินเนอร์ใส่รวมทั้งยังโดนทำร้ายร่างกาย ถ้าวันเกิดเหตุน้องฝ่ายหญิง ไม่สามารถที่จะอุ้มลูกออกมาขณะที่ฝ่ายชายกำลังจะจุดไฟแช็กเผา ก็จะเป็นเคสที่สลด

จากการสอบถามผู้กำกับสภ.ประจันตคาม ได้ให้คำมั่นว่า จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและจะตรวจสอบตามพยานหลักฐาน และจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ส่วนทางตนก็จะติดตามคดีนี้ให้ถึงที่สุดเช่นกัน

ร่องรอยทินเนอร์บนตัวแม่วัยเยาว์ ที่หนีรอดก่อนแฟนใหม่จะจุดไฟแช็กเผา

ด้านนายไชยา (สงวนนามสกุล) อา น.ส.เอ กล่าวว่า เบื้องต้นทางญาติยอมรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยก่อนหน้านี้หลานตนได้หายออกไปจากบ้าน เพื่อไปอาศัยอยู่กับฝ่ายชายที่ก่อเหตุ ตนและญาติได้ห้ามปรามแล้ว แต่หลานไม่เชื่อฟัง หลังจากที่เกิดเหตุคืนนั้น ตนรับไม่ได้ พร้อมทั้งหลานชายได้รับบาดเจ็บแบบนี้ จึงอยากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายกับฝ่ายชายที่ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

ขณะที่นายนก (นามสมมติ) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระบุว่า ตนกับแฟนอยู่กินกันได้เกือบเดือน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีคนแต่งเรื่องขึ้นมา เป็นเรื่องเข้าใจผิดของผัวเมีย ตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายแฟนและลูกของเขาเพียงแค่ตนหยอกแฟนเขาแรง ตนโยนขวดน้ำพลาสติกเปล่าใส่แฟนแต่ผมไม่รู้ว่าไปโดนลูก ยืนยันว่าตั้งแต่คบกันมาตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายแฟนและเด็ก

ทั้งนี้ทางทั้งนี้จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่า นางสาวเอ แม่วัยเยาว์ ยังมีอาการหวาดระแวง เครียดกลัวว่าทางฝ่ายชายจะตามมาทำร้ายถึงที่บ้าน หากมีการดำเนินคดี ในขณะที่ ตามร่างกายของนางสาวเอ บริเวณใบหน้าด้านซ้าย แขนขวาและบริเวณเท้านั้น พบรอยคราบด่างดำที่เกิดจากการสาดทินเนอร์ใส่อยู่และข้อมือด้านขวาซ้น

คลิปเสียงสัมภาษณ์แฟนหนุ่ม

 

ดร.ผึ้ง เกณิกา

logoline