10 มกราคม 2566 จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part5.2" ระบุว่า มีอดีตโยมอุปัฏฐากพระเกจิชื่อ
ดังจังหวัดขอนแก่น ส่งภาพของลับผู้ชายที่ระบุว่า เป็นพระเกจิดังกล่าวส่งไปให้ผู้ชายที่คบหากันเป็นแฟน อยากให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้
ถูกกล่าวหาด้วย และหากเป็นจริงก็ไม่อยากให้พุทธศาสนาต้องมัวหมอง เพราะพระเกจิดังกล่าวมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่
ทั้วประเทศ
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (10 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่วัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ
.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อขอพบกับทาง "ครูบาไก่" เจ้าอาวาสวัดป่า แต่พบเพียงพระลูกวัดและญาติโยม ที่กำลัง
ถวายภัตตาหารเพลอยู่ที่วัด โดยบอกว่า ครูบาไก่ ติดกิจนิมนต์อยู่ ยังไม่รู้ว่าจะกลับตอนไหน
บรรยากาศภายในวัดมีชาวบ้านมาทำบุญตามปกติเหมือนทุกวัน แต่ไม่มี ครูบาไก่ มารับภัตตาหารเพลในวันนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนยืนยันว่า ไม่ใช่ครูบาไก่ และในภาพก็ไม่รู้ขาใครเพราะขาครูบาไก่จะมีรอยสัก และนิ้วมือรวมทั้งผิวพรรณก็ไม่ใช่แล้ว
ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ พระสหธรรมิก (หมายถึงพระที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันมาน่าน ขอสงวนชื่อและปกปิดใบหน้า) ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวหลังจากที่ดูภาพบอกคำเดียวว่าไม่เชื่อ 1,000,000% ยังไงก็ไม่ใช่ครูบาไก่ ดูจากทั้งผิวพรรณ ขามือก็ไม่ใช่ครูบาไก่ และเชื่อในความบริสุทธิ์ของครูบาไก่ เพราะรู้จักกับครูบาไก่มานานตั้งแต่เริ่มมาสร้างวัดก็มาอยู่ด้วยกัน ส่วนรอยสักที่ข้อเท้า ครูบาไก่ก็สักมานานแล้วเป็นรูปพญานาค ส่วนภาพที่มีการแชร์กันในโซเชียลนั้นไม่มีรอยสัก
"ในเรื่องดังกล่าวนั้นปล่อยเป็นเวรเป็นกรรม แล้วแต่ใครจะเชื่อไม่เชื่อ ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว รับกรรมไป"
ขณะที่ ญาติโยมกรรมการวัด มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ทุกคนต่างไม่เชื่อ คิดว่าเป็นการใส่ร้าย จงใจมาทำลายศาสนาร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะสิ่งที่กระทำขึ้นนั้นไม่ใช่การปกป้องศาสนา แต่เป็นการจะทำร้ายศาสนา การกระทำแบบนี้ใครก็ทำได้เอาภาพใครมาใส่ก็ได้ เอาผ้าเหลืองมาปูก็ได้ เพราะผ้าเหลืองหาซื้อตามร้านทั่วไปได้ง่ายถามทุกวันนี้มันสามารถตัดต่อกันได้ง่ายมันสารพัดที่จะทำการหากตั้งใจจะทำลายพระพุทธศาสนาแล้ว
พร้อมระบุว่า จริยวัฒน์ของครูบาไก่ ท่านเป็นคนประพฤติดีประพฤติชอบมาโดยตลอดเจริญรอยตาม พ่อแม่ครูบาอาจารย์ พาลูกศิษย์ทำบุญทำวัดสวดมนต์ ซึ่งท่านก็ปฏิบัติตนรับแขกปกติของพระสงฆ์
ส่วนผู้ใกล้ชิดญาติโยม โดยเฉพาะบุคคลที่กล่าวหาว่าตัวเองเป็นโยมอุปัฏฐากนั้น ระบุว่า เท่าที่เห็นก็มาอยู่ที่วัดประมาณสองปี มีบุญมีงาน ก็จะมาร่วมก็จะเห็นสองคนนี้ในช่วงที่มาอยู่สองปี ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ 1,000,000% และเชื่อในความบริสุทธิ์ของครูบาไก่ ซึ่งโยมอุปัฏฐากก็ต้องพาไปนู่นไปนี่ได้พาไปกิจนิมนต์ ถวายข้าวถวายน้ำเหมือนพ่อแก่แม่เฒ่าที่เป็นโยมอุปัฏฐากคนอื่นๆ และเรื่องนี้ทุกคนที่อยู่วัดญาติโยมต่างๆก็สงสัยว่าสองคนนี้เข้ามามีจุดประสงค์อะไรกันแน่
นายสุรพล ชนะชานนท์ อายุ 66 ปี ชาวอ.มัญจาคีรี ที่เดินทางมาทำบุญที่วัดเป็นประจำ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ความคิดส่วนตัวไม่เชื่อเด็ดขาด บอกคำเดียวได้ว่าไม่เชื่อ ไม่เป็นความจริง ขอยืนยันต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องที่ถูกกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง
ส่วนตัวดูแล้วว่า สองคนที่กล่าวหานั้น ไม่ใช่โยมอุปัฏฐาก ตนเองเคยพูดคุยเป็นเพียงคนมาทำบุญเหมือนคนอื่นๆทั่วไปสิ่งที่กล่าวหาครูบาไก่ คิดว่าจงใจหวังทำลายพุทธศาสนา โดยเฉพาะครูบาไก่อย่างชัดเจน เรื่องที่ทำขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นความจริงแม้แต่น้อย ทั้งรอยสัก ซึ่งครูบาไก่สับมานานแล้ว แต่ในภาพไม่มีรอยสักผิวพรรณนิ้วมือถ้าเป็นญาติโยมที่รู้จักมักคุ้นก็จะรู้ว่า ไม่ใช่ผิวพรรณหรือนิ้วมือของครูบาไก่
พระครูบาเป็นคนมีเมตตา ใจดีนิสัยดีพาญาติโยมทำวัตรเป็นผู้ปฏิบัติดีด้วยท่านไม่เคยรังเกียจใครสายบุญที่มาทาง
ต้อนรับหมด แต่จะมีสายบุญที่มาหวังผลประโยชน์มาหวังเอาทุกสิ่งทุกอย่างในตรงนี้จากวัฒน์ซึ่งมีเข้ามาเรื่อยเรื่อย
แต่ท่านครูบาทราบก็ไม่ว่าอะไรเมตตาทั้งหมด
ทั้งนี้กรรมการวัดญาติโยมทั้งหมดต่างแปลกใจว่าทำเรื่องดังกล่าวต้องการอะไรทั้งที่ พระครูบา เมตตาทุกสิ่งทุกอย่างให้อยากจะฝากถึงคนที่จ้องทำลายครูบาไก่หรือพุทธศาสนาขอให้หยุดเพราะบาป บุญมีจริงเวรกรรมมีจริง ถ้าหากยังไม่หยุดชาวบ้านทุกคนก็พร้อมจะออกมาปกป้องดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ภาพที่เห็นกับครูบาไก่นั้นคนละคนกันไม่รู้ว่าในภาพนั้นเป็นใครแต่ครูบาไก่ไม่ใช่อย่างแน่นอนเพราะรอยสักครูบาไก่สักมานานแล้วแต่ในภาพนั้นไม่มียืนยันมั่นใจขอเอาขอเป็นประกันเพราะพระครูบาไก่เป็นคนผิวพรรณสวยงามเรื่องแบบนี้ไม่มีทางที่พระครูบาไก่จะกระทำเด็ดขาดเพราะพระครูบาไก่ ละเรื่องทางนี้ได้ทั้งหมดแล้ว
ขณะที่นาง มะลิ เชื้อหนองไฮ อายุ 68 ปี ชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดเป็นประจำอีกคน กล่าวว่า เรื่องการทำเหรียญวัตถุมงคลนั้น ผู้ที่กล่าวหาไม่ใช่ โยมอุปัฏฐาก เป็นคนที่มาทำบุญเหมือนคนอื่นๆทั่วไป และเรื่องวัตถุมงคลที่ทั้งคู่ทำขึ้นมานั้นทำจำนวนสามครั้ง เงินต่างๆที่ได้มาก็ครั้งละเป็น 1,000,000 แต่เงินไม่เคยถึงวัดหรือนำมาทำบุญ ในเรื่องที่กล่าวหา ครูบาไก่ นั้นทั้งเรื่องภาพเรื่องแชท เรื่องที่นำเงินบริจาคไปให้กับผู้ชายหรือผู้หญิงนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด