
8 มกราคม 2566 นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง อำเภอน้ำพอง พร้อมผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่บ้าน นางเม็ง โพธิ์ศรี อายุ 71 ปี ม.10 บ้านหนองกุง ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกน้องสาวของสามีตัวเอง ยื่นฟ้องศาลขับไล่ออกจากบ้านพัก โดยศาลสั่งให้ออกภายใน 7 วัน แต่นางเม็งไม่มีที่จะไป ลูก 6 คนไม่สามารถเลี้ยงดูแม่ได้เพราะต่างมีครอบครัวไปหมดแล้ว 2 ใน 6 คนติดยาเสพติด จึงได้ขอความช่วยเหลือจากกำนัน เหตุเกิดวานนี้ (7 ม.ค.)
จากการลงพื้นที่พบ นางเม็งกำลังเก็บสิ่งของจำเป็น ย้ายออกจากบ้าน ทั้งที่นอน เสื้อผ้าและข้าวสาร โดยนางเม็ง เปิดเผยว่าหากถูกไล่ออกจากยบ้าน จะได้ขนย้ายได้สะดวก ขณะที่กำนันได้เข้าเจรจากับน้องสาวของสามีนางเม็ง ที่มีบ้านพักอยู่ติดกัน ขอโอกาสให้นางเม็งอยู่ที่บ้านหลังเดิมชั่วคราว เพื่อหาที่อยู่ใหม่ แต่ทางญาติแจ้งว่า ให้นางเม็งอยู่ต่อไม่ได้ เพราะจ่ายค่าซื้อบ้านให้กับลูกนางเม็งแล้ว 40,000 บาท พร้อมทั้งขายบ้านให้คนอื่นแล้ว ขณะที่กำนันกำลังเจรจา หลานชายแท้ๆ ก็ตะโกนขับไล่นางเม็งด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟัง ทำให้นางเม็ง กลัวจนตัวสั่นและไม่กล้าอยู่ที่บ้านต่อไป เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย เพราะในบ้านนางเม็งอาศัยอยู่เพียงลำพัง พร้อมทั้งเกิดการโต้เถียงกับทางกำนันขึ้น
ก่อนที่กำนันจะแก้ปัญหาร่วมกับชาวบ้าน ให้ไปพักอาศัยชั่วคราวที่บ้านของนางสุภาพร พลหาญ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเช่า ม.10 บ้านหนองกุง ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยนางสุภาพร เป็นเพื่อนบ้านที่ทราบเรื่อง และช่วยเหลือนางเม็ง มาโดยตลอด ได้เดินเข้ามาพบกับกำนันและนางเม็ง เพื่อจะช่วยเหลือ พานางเม็งไปอยู่ที่บ้านเช่าด้วย ซึ่งนางเม็งดีใจเป็นอย่างยิ่ง รีบขนสิ่งของจำเป็นออกจากบ้านตัวเอง เพื่อไปอาศัยของกับนางสุภาพร ชั่วคราวก่อน
นางสุภาพร กล่าวว่า ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่มีน้ำใจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะนางเม็งถูกญาติทอดทิ้ง ลูกไม่เหลียวแล ลูกบางคนติดยาบ้าจนเสียสติ บางคนถูกจับติดคุก ส่วนคนอื่นๆก็ไม่ดูแลแม่ จึงช่วยเหลือนางเม็ง เป็นการชั่วคราวก่อน จนกว่ากำนันจะหาที่พักอาศัยให้นางเม็งได้ ก็จะให้ย้ายออกไป
ขณะที่นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง กล่าวว่า การช่วยเหลือนางเม็งในครั้งนี้ สืบเนื่องจากญาติซึ่งเป็นน้องสาวของสามีนางเม็ง ยื่นฟ้องศาลขับไล่นางเม็งออกจากที่ดินที่ปลูกสร้างบ้านพักมานานกว่า 40 ปี และศาลสั่งให้นางเม็งย้ายออกภายใน 7 วัน แต่นางเม็งไม่มีที่ไป ญาติพี่น้องก็ไม่มีที่ให้พักอาศัย ลูก 6 คน บางคนก็ไปมีครอบครัว แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูมารดาได้ ลูกบางคนติดยาเสพติด บางคนถูกจับติดคุก นางเม็งร้องไห้ขอความช่วยเหลือ เพราะถูกฟ้องขับไล่ และกลัวว่าจะขัดคำสั่งศาล แต่ไม่มีที่จะไปอยู่อาศัย ซึ่งน้องสาวสามีและหลานชายยืนยันว่า นางเม็งต้องออกจากบ้าน เพราะจะขายบ้าน อีกทั้งได้จ่ายค่าบ้านให้ลูกสาวนางเม็งไปแล้ว
นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า มีชาวบ้านจะให้นางเม็งไปอยู่ที่บ้านด้วย แต่นางเม็งก็กังวลใจว่าถ้าลูกชายคนสุดท้องพ้นโทษออกมาจะอยู่กันลำบาก เกรงใจเจ้าของบ้าน จึงยังตัดสินใจจะไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวไม่ได้ แต่เป็นช่วงที่นางสุภาพร ยื่นมือเข้ามาช่วย พาไปอยู่ที่บ้านเช่า จากนั้นตนเองในฐานะกำนันจะพยายามหาที่ดิน ปลุกสร้างบ้านให้นางเม็งได้พักอาศัยต่อไป และจะประสานทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือตามสิทธิ์
ด้านนางเม็ง เปิดเผยว่า อยู่กินกับสามีตั้งแต่อายุ 17 ปี ที่บ้านหนองกุง อาศัยอยู่ในที่ดินแปลงเดิม ที่เป็นมรดกของปู่ย่า มีลูกด้วยกัน 5 คน ต่อมาน้องสามีได้มาขอร้องให้ตนพาลูกย้ายออกจากที่ดินที่เป็นมรดก ไปอยู่ที่บริเวณที่ดินแปลงด้านหลัง ซึ่งเป็นที่ดินแปลงที่อาซื้อมาจากเพื่อนบ้าน โดยให้เหตุผลว่า จะค้าขาย และให้ตนช่วยจ่ายค่าที่ดินให้เท่าที่จะจ่ายได้ จึงย้ายออกจากที่ดินมรดกไปอยู่แปลงด้านหลัง และสร้างบ้านอยู่กับสามีและลูก กระทั่งสามีเสียชีวิต
จึงมีสามีคนใหม่และมีลูกด้วยกัน 1 คน ต่อมาสามีใหม่เสียชีวิต ลูกแยกไปมีครอบครัว ลูกคนที่ 5 และ 6 ติดยาบ้าจนสติเลอะเลือน และถูกจับติดคุก แต่มีลูกคนที่ 6 และเชื่อว่าเป็นเหตุให้ทุกคนต้องการขับไล่ตัวเองออกไปที่ดิน เพราะมีลูกชาย ติดยาเสพติด และเคยอาละวาด แม้กระทั่งตนเองต้องไปขออาศัยอยู่กับญาติบ่อยครั้ง ขณที่ทางญาติก็กลัวว่า ลูกชายจะตามไปแล้วไปอาละวาดคนอื่นด้วย จึงรังเกียจตัวเองไปด้วย ไม่ต้องการให้อยู่ร่วมกันเหมือนเดิม
แต่ในบรรดาลูก 6 คน มีคนที่ 6 ที่ทุกคนรังเกียจ แต่คอยเลี้ยงดูหาข้าวหาน้ำให้ตนกินทุกวัน แม้จะติดยาเสพติด แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งแม่ ทำงานบ้าน กวาดบ้านถูบ้านก็ทำแทนแม่กลัวแม่เหนื่อย ข้าวสารในถังจะเต็มตลอดไม่เคยขาด จนลูกชายเพิ่งถูกจับติดคุกไปเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา ตอนนี้อยู่ในเรือนจำ
หลายปีที่ผ่านมา น้องสามีค้าขายไม่รอดถูกธนาคารยึดที่ดิน จึงไม่มีที่อยู่ จึงมาปลูกบ้านอยู่ในที่ดินแปลงเดียวกัน ถมที่ดินสูงและก่ออิฐติดผนังบ้าน จนไม่สามารถเปิดประตูหน้าต่างได้ กระทั่งเมื่อสองสามปีนี้ น้องสามีได้ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานที่ดิน ให้เจ้าหน้าที่มาออกมารังวัดที่ดินที่ตนอาศัยอยู่ หลังจากน้องสามีได้โฉนดที่ดินแล้ว ก็ยื่นฟ้องต่อศาลขับไล่ตนออกจากบ้านที่อาศัยอยู่ โดยบอกว่าตนไม่ได้เช่าอยู่และไม่มีการจ่ายค่าที่พักอาศัยใดๆเลย ซึ่งศาลก็เชื่อ และขับไล่ตนออกจากพื้นที่ภายใน 7 วัน
ซึ่งในความเป็นจริง แล้วตนจ่ายค่าที่ดินให้น้องสามีมาหลายปี รวมเป็นเงินกว่า สามหมื่นบาท แต่ไม่มีหลักฐาน เพราะตนเชื่อใจที่เป็นญาติพี่น้องกัน โดยน้องสามีมักจะพูดว่า พี่ไม่เชื่อใจน้องหรือ และไม่คิดว่าจะทำการฟ้องขับไล่ตนออกจากบ้านที่อาศัยอยู่มาทั้งชีวิต ส่วนลูกๆก็พึ่งพาอาศัยไม่ได้ เพราะทุกคนต้องดูแลครอบครัวตัวเอง ไม่มีลูกคนไหนมาช่วยเหลือตนได้
พรพรรณ เพ็ชรแสน รายงานจากจ.ขอนแก่น
หลานชายตะโกนไล่ป้าออกจากบ้าน