ผู้ต้องหารุมยำ สาวร้านเค้ก อ้างลูกน้อง "คนมีสี" มอบตัว ปัดพูดถึง ตร.ตั้ม

16 ตุลาคม 2565 จากกรณีที่ น.ส.พรพิมล  หรือแนน อายุ 29 ปี เป็นเจ้าของร้านเค้กสุขใจ วงเวียนตาคลี อ.ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โพสต์ร้องเรียนผ่านเฟซบุ๊กว่า มีลูกน้องคนสนิทตำรวจ ในจังหวัดนครสวรรค์จำนวน 2 คน ขี่จักรยานยนต์มาทำร้ายร่างกายจนศรีษะแตกเย็บ 8 เข็ม สภาพสาหัสเจ้าตัวอยู่ในสภาพมีผ้าพันแผลที่ศีรษะ เนื่องจากถูกคนร้ายใช้ของแข็งหรือของมีคมตีจนเป็นแผลฉกรรณ์แตกทางยาว และผู้เสียหายได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดนำไปแจ้งความที่ สภ.ตาคลี เพื่อดำเนินคดีแล้ว ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวกำลังเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ เนื่องจากผู้ที่ทำร้ายสาวใหญ่รายนี้ เป็นลูกน้องคนสนิทของตำรวจในจังหวัดนครสวรรค์ที่รับราชการในพื้นที่ สภ.ตาคลีด้วย และขณะทำร้ายประกาศให้ชาวบ้านรู้เสียงดังว่า”มาสั่งสอนคนที่พูดไม่ดีกับ นายตั้ม”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ลูกน้อง "คนมีสี" รุมยำสาวร้านเค้กบาดเจ็บ เดินหน้าเอาเรื่องถึงที่สุด

ล่าสุดเมื่อ เวลา 22.00 น.วานนี้  นาย ทศพล โพธิ์กัน และนายนิพนธ์ โพธิ์กัน ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งภาพกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ขณะทั้งคู่เข้าไปทำร้าย น.ส.พรพิมล หุ่นพ่วง หรือแนน ในร้านเค้กสุขใจเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาจนได้รับบาดเจ็บ เดินทางมามอบตัวกับ พ.ต.ต.อาทิตย์ แย้มกลิ่น สารวัตร สส. สภ.ตาคลี ผู้ต้องหาทั้งสองคน เมื่อเดินทางมาถึงตำรวจได้พาตัวเข้าห้องสืบสวนด้านหลัง สภ.ตาคลีทันที

นายทศพล หรือเหี่ยว เปิดเผยว่า การมามอบตัวครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้หนีไปไหน และยอมรับว่าเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกายนางสาวพรพิมลจริง เนื่องจากวันเกิดเหตุตั้งใจไปซื้อขนมเค้กที่ร้าน แต่เมื่อเจอหน้านางสาวพรพิมลเกิดมีปากเสียงกัน เพราะว่าที่ผ่านมานางสาวพรพิมลไปพูดใส่ร้ายตนและน้อง ว่าเป็นคนไม่ดีเกี่ยวข้องยาเสพติดและเป็นสายตำรวจจึงต้องการสอบถาม จนเกิดมีปากเสียงกันนำมาซึ่งการทำร้ายกันจริง โดยตนได้ใช้หมวกกันน็อคตีไปที่ศรีษะนางสาวพรพิพล

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักตำรวจชื่อตั้มหรือไม่นายทศพล ตอบว่า เคยเห็นหน้าแต่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปสอบสวนต่อ และควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป

ด้านนางสาวพรพิมล หรือแนนเปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในฐานะผู้เสียหาย เนื่องจากจู่ๆผู้ต้องหาที่ทำร้ายร่างกายตนจนสาหัสก็ขี่รถจักยานยนต์มามอบตัว ทั้งที่ตำรวจตามจับหลังตนไปแจ้งความนานหลายวัน ก็ยังหาตัวไม่เจอจู่ๆโผล่มามอบตัวเหมือนถูกปล่อยมาจากเซฟเฮ้าที่ไปซ้อมคำให้การกันมา ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่ยอมความแน่นอน และเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย

“เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาตนและครอบครัวไปรอชี้ตัวผู้ต้องหาทั้งคู่ที่ สภ.ตาคลี แต่ตำรวจไล่ให้ตนกลับบ้านไปไม่ต้องการให้เจอหน้ากัน บอกว่าตนชี้รูปผู้ต้องหาไปแล้วไม่จำเป็นต้องมาชี้ตัวอีกทำให้ไม่ได้เจอหน้าผุ้ต้องหา มันผิดปกติจริงๆตำรวจทำงานแบบนี้ ซึ่งคำให้การของผู้ต้องหาที่บอกว่าตนไปใส่ร้าย กล่าวหาว่าทั้งสองคนค้ายาบ้า จะไปพูดแบบนั้นได้อย่างไรเพราะตนไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งคู่เลย เนื่องจากตนและครอบครัวไปอาศัยอยู่ในอำเภอหนองบัวนานกว่า 3 ปี ไปคลอดลูกไปทำมาหากินอยู่ พึงเดินทางมาเปิดร้านเค้กที่อำเภอตาคลี ได้เพียงปีเศษ จึงไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งสองคนเลยจะไปกล่าวหาได้อย่างไร คนร้ายจะพูดอะไรก็ได้เพื่อให้คนที่สั่งการพ้นผิด เรื่องนี้รู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะความไม่พอใจกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างตนกับตำรวจและเมียตำรวจที่จอดรถขวางหน้าร้านกัน นำมาซึ่งความรุนแรงและส่งคนมาทำร้ายตนจนบาดเจ็บ ตำรวจจะขยายผลแบบนี้หรือขอความเป็นธรรมด้วย” นางสาวพรพิมลกล่าว

รายงานข่าวจากตำรวจภูธรภาค6 ระบุว่า ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ตาคลีมีชื่อว่าตั้มสองคน คนหนึ่งมีประวัติไม่ธรรมดา เป้นตำรวจ นามสกุลดัง มีญาติเป็นอดีตนายตำรวจใหญ่ มีญาติเป็นนักการเมืองท้องถิ่น มีอิทธิพลในอำเภอตาคลี และพึ่งย้ายมาจากสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ไม่นาน เพื่อไปทำภารกิจเรื่องการเลือกตั้งโดยเฉพาะ เนื่องจาก ในพื้นที่เครือญาติตนเองและภรรยาเป็นนักการเมือง สามารถคุมนักเลง มือปืนได้ ซึ่งตำรวจภาค 6 จะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ ชุดสืบสวนจังหวัดนครสวรรค์ได้ลงพื้นที่ สภ.ตาคลี เพื่อตามหาตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ แต่ไม่พบวี่แววแต่อย่างใด จู่ๆผู้ต้องหาก็เดินทางมามอบตัว โดยขี่รถจักรยานยนต์ธผล่มาหลัง สภ.ตาคลี เหมือนเป้นการจัดฉาก ทำให้สงสัยในการทำหน้าที่ของตำรวจอย่างมาก