14 ตุลาคม 2565 จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พร้อมด้วย นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ ทนายโนบิ ลงพื้นที่ ม.2 อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวพี่น้องตระกูลหีมโหด ซึ่งถูกนายหน้าคือ นางรัชนีย์ ทองวงค์ หรือ เก๋ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดนาทวี ในฐานความผิดฉ้อโกง หลังหลอกให้ทางพี่น้องตระกูลหีมโหด โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกกว่า 10 ไร่ ในช่วงปี 64 และนำไปจำนองขายฝาก ก่อนขายให้กับนายทุน ได้รับความเสียหายรวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สะเดา จ.สงขลา สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ได้ที่บริเวณป่าละเมาะหลังบ้าน ในต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา และควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.สะเดา
นางรัชนีย์ ทองวงค์ หรือ เก๋ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยบอกแค่เพียงว่า เป็นนายหน้าที่ดินตามหมายจับจริง และเอกสารหลักฐานบางอย่าง ทางเจ้าของที่ดินก็ดำเนินการเอง อีกทั้ง ตนไม่ได้รู้จักใครเป็นพิเศษ ในสำนักงานที่ดิน และการแบ่งแยกที่ดิน ก็ทำไปตามขั้นตอนของคนปกติทั่วไป กว่าจะเสร็จก็นานกว่า 3 เดือน แต่ขั้นตอนและรายละเอียดต่าง ๆ นั้นลืม เพราะผ่านมานานแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา สอบสวนเพิ่มเติม เพื่อขยายผลว่า มีใครเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ก่อนดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงต่อไป
สำหรับคดีนี้เริ่มต้นจาก นางรัชนีย์ ผู้ต้องหา ที่เป็นนายหน้าค้าที่ดิน ได้เข้ามาตีสนิท กับครอบครัวของผู้เสียหาย และทราบว่า ครอบครัวนี้มีที่ดินจำนวนมาก และมีมูลค่าสูง จึงออกกลอุบายว่า เอกสารที่ดินที่ ตนเคยช่วยเหลือในการแบ่งแยกที่ดิน และการโอนที่ดินมรดกจากบิดา มาให้ น.ส.อัญชลี หีมโหด และ น.ส.อรอนงค์ หีมโหด สองพี่น้องนั้น
ทางสำนักงานที่ดิน ขอโฉนดที่ดินคืน เพื่อไปขอเลขโฉนดที่ดินใหม่ จึงทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งหมด เพื่อไปทำการแก้ไขเลขโฉนด ที่สำนักงานที่ดินอำเภอสะเดา จ.สงขลา
โดยครอบครัวผู้เสียหาย ได้เซ็นหนังสือมอบอำนาจ และเซ็นเอกสารที่เกี่ยวข้อง ให้ นางรัชนีย์ นำไปจด จำนอง และขายให้นายทุน ที่มีความสนิทกัน และนายทุนทั้งหมดก็เป็นพี่น้อง และเป็นกลุ่มเครือญาติ หรือเป็นคนรู้จักกันอย่างใกล้ชิด และยังเป็นเครือญาติของนักการเมืองท้องถิ่นด้วย
ต่อมาคณะของ “กัน จอมพลัง” ทราบเรื่องจึงเข้าช่วยเหลือ และติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้บนป้าย และได้พูดคุยพร้อมแจ้งไปยังปลายสายว่า ทางผู้เสียหาย ได้ให้ตนไปร้องขอความคุ้มครอง พื้นที่แห่งนี้จากทางศาล และศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และร้องขอให้ผู้ที่อ้างว่าถือกรรมสิทธิ์ ให้รื้อถอนป้ายออก โดยผลการพูดคุยสรุปว่า จะไปพูดคุยกันในชั้นศาล