
ความคืบหน้ากรณีที่ นายธีรพิพัฒน์ พิพัฒนโสภณ หนุ่มเจ้าของสวนผลไม้ เข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังได้พักโทษออกจากเรือนจำพะเยามา 7 เดือน แต่กลับหนังสือเรียกตัวกลับไปติดคุกต่ออีก 7 เดือน โดยเรือนจำอ้างคำนวณโทษผิด (อ่านข่าว)
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ย.) กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารชี้แจง กรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า กระบวนการเลื่อนชั้น เริ่มต้นตั้งแต่เรือนจำฯ จัดประชุมคณะทำงาน เพื่อตรวจสอบการเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดประจำเรือนจำ และเรือนจำส่งเอกสารรายงานการเลื่อนชั้น มายังกรมราชทัณฑ์จากนั้นกรมราชทัณฑ์ ตรวจสอบความถูกต้อง และเสนอต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาการอนุมัติตามกำหนดเวลา
แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา ของเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพะเยา เคยพิจารณาว่า อนุมัติการเลื่อนชั้นได้ จึงได้คิดคำนวณโทษตามหลักการเลื่อนชั้นเป็นชั้นเยี่ยม จึงเป็นเกณฑ์การพิจารณาปล่อยตัวก่อนกำหนดโทษที่เหลืออีก 7 เดือน หลังจากที่มีการพิจารณาปล่อยตัวไปแล้ว กระทรวงยุติธรรม ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 ก.พ. 65 แจ้งผลการพิจารณาไม่อนุมัติการเลื่อนชั้นของกลุ่มนักโทษดังกล่าวตามหลักการ และกรมราชทัณฑ์ได้มีหนังสือลงวันที่ 18 ก.พ. 65 แจ้งผลไม่อนุมัติเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดของเรือนจำจังหวัดพะเยา
ส่งผลให้การพิจารณาการเลื่อนชั้นของนายธีรพิพัฒน์ฯ ที่ผ่านมาไม่ได้รับการเลื่อนชั้น ทำให้ต้องกลับมารับโทษที่เหลืออยู่ต่อไป ทั้งนี้ เรือนจำจังหวัดพะเยา จึงได้แจ้งนายธีรพิพัฒน์ฯ ถึงผลการไม่อนุมัติการเลื่อนชั้น และให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่ แต่ได้รับการปฏิเสธ ทางเรือนจำฯ จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้นายธีรพิพัฒน์ฯ กลับมารับโทษที่เหลือต่อไป
โดยศาลมีรายงานกระบวนการพิจารณาตามคดีหมายเลขดำที่ อ 651/2560 คดีหมายเลขแดง ที่ อ 405/2560 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 วรรคท้าย ให้กลับมารับโทษที่เหลืออยู่จำนวน 7 เดือน 29 วัน อีกทั้งกรมราชทัณฑ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่าได้มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบหรือไม่อย่างไร
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวนี้เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมาย โดยมิได้มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และกรณีดังกล่าว มีนักโทษเด็ดขาดขอพิจารณาการเลื่อนชั้น จำนวน 71,754 ราย โดยใช้เวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง จึงไม่อนุมัติให้เลื่อนชั้น ทำให้เรือนจำจังหวัดพะเยาและเรือนจำอื่น ๆ ที่อยู่ในหลักเกณฑ์การขออนุมัติ ก็มิได้รับการอนุมัติด้วยเช่นกัน
สำหรับในส่วนของเรือนจำจังหวัดพะเยา จำนวน 241 ราย มีผู้ต้องขังเพียง 2 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัว ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องกลับมารับโทษจำคุกต่อและ 1 ใน 2 ราย ได้กลับเข้ามารับโทษจำคุกต่อแล้ว สำหรับนายธีรพิพัฒน์ฯ ปฏิเสธการกลับเข้ามาคุมขังภายในเรือนจำ จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว