เกษตรกรโอดเพิ่งเก็บผลผลิตขายเพียงครั้งเดียวน้ำเข้าท่วมหวั่นเสียหาย
เกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวพืชผักส่งขาย บ่นท้อลงทุนไปแล้วแต่เพิ่งได้เก็บขายครั้งเดียวน้ำเกิดท่วม หลังปริมาณน้ำในแม่น้ำพองเพิ่มสูงเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร
จากสถานการณ์น้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ในวันที่ 12 กันยายน 2565 ระดับน้ำในเขื่อน 178.76 เมตร ปริมาตรน้ำคิดเป็นร้อยละ 56.52 ของความจุเขื่อนที่ 2,431.30 ล้าน ลบ.ม. โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 65 น้ำไหลเข้าเขื่อน 60.31 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสามารถรับน้ำได้อีก 1,057.25 ล้าน ลบ.ม. โดยคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดขอนแก่นมีแผนการระบายน้ำวันที่ 12 ก.ย. 65 ที่ 24.00 ล้าน ลบ.ม.
12 กันยายน 2565 นางเพ็ง พิมพ์หานามและนางบุญเติม แก้วสวนจิก เกษตรกรที่บ้านบึงสวาง หมู่ 5 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ต่างมาช่วยกันลุยน้ำเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร หลังจากปริมาณน้ำในแม่น้ำพองเพิ่มขึ้นไหลเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูกริมแม่น้ำ ทำให้ผลผลิตบางส่วนรับความเสียหายไปแล้ว
นางเพ็ง กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางผู้นำชุมชนได้แจ้งเสียงตามสายว่าทางเขื่อนอุบลรัตน์จะปล่อยน้ำ ทำให้ 3 วันที่ผ่านมาปริมาณน้ำในแม่น้ำพองเพิ่มสูง ส่งผลให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เพาะปลูก จนทำให้ตั้งตัวแทบไม่ทัน และยังไม่แน่ใจว่าน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหรือไม่ หากเพิ่มมากกว่านี้คาดว่าพืชสวนที่ปลูกไว้ริมฝั่งน้ำพองคงเสียหายทั้งหมด
“พืชผักส่วนใหญ่เป็นพืชล้มลุก หากแช่น้ำ 3-4 วันผักที่ปลูกไว้ก็จะตาย ที่ลงทุนไว้ก็จะหมดแทบไม่เห็นกำไรที่ต้องลงทุนไป ขณะนี้ยังไม่เห็นหน่วยงานลงพื้นที่มาดูเรื่องความเสียหาย ทำให้กังวลว่าหากน้ำท่วมคราวนี้จะไม่ได้เก็บผลผลิตขาย จะทำให้ไม่มีเงินมาลงทุนเพาะปลูกต่อในฤดูเพาะปลูกครั้งต่อไป” นางเพ็ง กล่าว
ด้านนางบุญเติม กล่าวว่า ปลูกบวบงูในพื้นที่ 1 ไร่ ต้องลงทุนทั้งไถพรวน เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยยาฆ่าแมลง ปุ๋ยคอก และฮอร์โมนบำรุงพืช ปลูกนานกว่า 1 เดือนบวชงูจึงให้ผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ เพิ่งได้เก็บผลผลิตในวันนี้เพียงครั้งเดียว น้ำก็ท่วมพื้นที่เพาะปลูกบางส่วนได้รับความเสียหายแล้ว วันนี้จึงได้ขอแรงเพื่อนบ้านที่เพาะปลูกพืชด้วยกันให้มาช่วยเก็บผลผลิตก่อนที่น้ำจะท่วมสูง
“หากน้ำไม่ท่วมบวบงูจะเก็บขายได้นาน 2 เดือน โดยเฉพาะในระยะนี้ ราคาพืชผลทางการเกษตรราคาดีแพงกว่าช่วงปกติถึงเท่าตัว จึงตั้งใจเพาะปลูกดูแลให้สามารถเก็บเกี่ยวได้นานๆ แต่น้ำก็ท่วมเข้ามาก่อน น้ำมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ช่วยกันถ่ายภาพความเสียหายไว้เป็นหลักฐาน เผื่อทางรัฐเข้ามาสำรวจเพื่อให้การช่วยเหลือ แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาชดเชย ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะไปเรียกร้องกับใครได้ เพราะบางคนเพิ่งเพาะปลูกพริก น้ำมาไม่นานท่วมตายหมดแล้ว ไม่คุ้มที่ลงทุน ตอนนี้ทุนก็หาย ไม่มีกำไรนำไปลงทุนเพาะปลูกต่อแล้ว” นางบุญเติม กล่าว
ข่าว/ภาพ กวินทรา ใจซื่อ ศูนย์ข่าวเนชั่นภาคอีสาน สำนักข่าวเนชั่น
