พ่อหนุ่มคลั่งขอสู้คดี โวย ตร.น้ำยืน ทำเกินกว่าเหตุ วิสามัญฯ ลูกชาย (มีคลิป)

ความคืบหน้าเหตุระทึกขวัญ ตำรวจ สภ.น้ำยืน วิสามัญฆาตกรรม นายปัทวิน กะวันทา อายุ 33 ปี ชายคลุ้มคลั่ง ก่อเหตุบุกปาระเบิดใส่โรงพัก ก่อนจะใช้ท่อนเหล็กไล่ทุบรถตราโล่ และรถของประชาชน รวมถึงจะเข้าทำร้ายตำรวจ จนเจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธปืนยิงเพื่อป้องกันตัว ทำให้ผู้ก่อเหตุเสียชีวิต โดยตำรวจยืนยันทำเพื่อป้องกันตัว (อ่านข่าว)

ล่าสุดวันนี้ (8 ก.ย.) ที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมืองอุบลราชธานี นายมั่น กะวันทา พ่อและญาติพี่น้องได้มาขอรับศพนายปทวิน กะวันทา หนุ่มคลั่งที่ถูก ตำรวจ สภ.น้ำยืน วิสามัญฯ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาลนา ที่หมู่บ้านน้ำยืน ต.โซง อ.น้ำยืน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้เสียชีวิต 

นายมั่น กะวันทา พ่อนายปัทวิน กล่าวว่า อยากได้รับความเป็นธรรมให้กับลูกชาย ยังไงก็จะต้องสู้คดี เนื่องจากตำรวจทำเกิดกว่าเหตุ ติดใจที่ว่าลูกชายไม่มีอาวุธปืนแต่อย่างใด มีแต่ไม้เบสบอลที่เป็นท่อนเหล็ก ที่ทุบทำลายรถยนต์ แต่ตำรวจได้ใช้ปืนยิงสกัดไว้ก่อน ยิงขา 2 นัด อีก 1 นัดถูกบริเวณหน้าท้อง รวม 3 นัด ไปดูลูกที่โรงพยาบาล ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว อยากให้ตำรวจมาดูแลรับผิดชอบด้วย คนเสียชีวิตทั้งคน รู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้จะคิดยังไง ได้แต่เสียใจ อยากขอความเป็นธรรม ใครก็ได้ที่จะช่วยได้

นายมั่น ยืนยันว่า ติดใจสาเหตุการตายของลูกชาย ไม่น่าจะเอาปืนยิงลูก เพราะว่าลูกไม่มีอาวุธสงคราม ไม่มีอาวุธปืน มีแค่ท่อนเหล็กเบสบอล ไม่น่าจะเอาปืนมายิงกันไปฆ่ากัน ตำรวจพึ่งพาไม่ได้เลย ก่อนเกิดเหตุลูกชายไม่ได้กินยา ยังปกติดี ๆ อยู่ เคยรักษาอาการทางประสาทอยู่ ทางโรงพยาบาลก็บอกว่า หายขาดแล้ว จนได้ไปทำงานที่ จ.ระยอง ส่วนสาเหตุที่ไปก่อเหตุนั้นตนเองไม่รู้เรื่อง ก่อนหน้านี้ลูกเคยไปลักรถจักรยานยนต์ของร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เจ้าของร้านได้แจ้งตำรวจมาจับโดนตำรวจซ้อม ตอนนั้นกำลังเริ่มป่วยประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว
 

น.ส.อัญชลี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี น้องสาวของผู้ตายเล่าว่า รับทราบเหตุการณ์จากบิดา ที่โทรศัพท์ไปแจ้งว่าพี่ชายเข้าไปอาละวาดในโรงพัก ก่อนถูกตำรวจใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ พี่ชายเคยมีอาการทางจิตเวชจริง แต่รักษาจนหายดี จึงเดินทางไปทำงานเป็นช่างไฟฟ้า ในโรงงานที่ จ.ระยอง ส่วนตนก็ทำงานอยู่อีกแห่งหนึ่ง นานๆ จึงได้มาเจอกัน เพราะปกติพี่ชายเป็นคนเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร และไม่มีครอบครัว

จนเมื่อเดือนก่อนทราบจากทางบ้านว่า พี่ชายได้เก็บข้าวของจาก จ.ระยอง กลับมาอยู่ที่บ้านที่ อ.น้ำยืน แล้ว เมื่อสอบถามพี่ชาย ก็บอกไม่อยากอยู่ที่โรงงาน ก็เลยกลับมาอยู่บ้านเฉย ๆ โดยไม่ได้สังหรณ์ใจจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ส่วนพี่ชายมีความเครียดเรื่องอะไรหรือไม่นั้นไม่ทราบ แต่ที่ผ่านมาพี่ชายเป็นคนดี ทำงานหาเงินส่งมาให้พ่อแม่ ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับครอบครัว

และไม่รู้ว่า อาการป่วยของพี่ชายกำเริบหรือไม่ มารู้อีกทีก็เกิดเรื่องพี่ชายถูกตำรวจยิงไปแล้ว ขณะนี้ สิ่งที่อยากจะร้องขอ คือความเป็นธรรมให้กับพี่ชาย อยากเห็นภาพวันเกิดเหตุจากกล้องวงจรปิด ถ้าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่เกินกว่าเหตุ ก็ไม่ติดใจอะไร

ด้าน พ.ต.อ.สุพจน์ จงอุตส่าห์ ผู้กำกับการ สภ.น้ำยืน กล่าวถึงภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ จากกล้องวงจรปิดของโรงพักว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมเป็นประจักษ์พยานหลักฐานในคดีนี้ แต่ไม่สามารถนำออกมาเปิดเผยได้  เพราะเป็นเรื่องความลับในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่

เบื้องต้น ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใคร เพราะอยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรศพของแพทย์ รวมทั้งความเห็นการตรวจรักษาอาการบาดเจ็บ ของเจ้าหน้าที่ทั้งสองนายที่ถูกตีด้วยไม้เบสบอล หลังได้พยานหลักฐานครบถ้วน ก็ต้องแจ้งข้อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย ที่เข้าระงับเหตุฐานฆ่าผู้อื่น โดยอ้างเหตุป้องกันตัวขณะปฏิบัติหน้าที่ ส่วนผู้เสียชีวิตต้องดูว่าทำผิดในข้อหาใด ก็จะได้แจ้งข้อหาต่อไปในภายหลังด้วย
 

ฟังเสียงพ่อของหนุ่มคลั่งถูกวิสามัญฯ