"วีระกร" สกัด “มิ่งขวัญ” จะเป็นแคนดิเดต ต้องผ่าน กก.บห. พปชร.

7 ธันวาคม 2565 นายวีระกร คำประกอบ รองผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร. )  กล่าวถึงการเปิดตัว นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ในฐานะทีมเศรษฐกิจ พปชร. และประกาศเงื่อนไขขอเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทำให้บรรดาแกนนำพรรคที่ร่วมวงแถลง หน้าเหวอกันเป็นแถว ว่า เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ และไม่คาดคิดของสมาชิกพรรค แต่ความเป็นไปได้ก็มี เพราะนายมิ่งขวัญ มีความรู้ความสามารถ เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับพรรคอยู่บ้างในการรณรงค์หาเสียงไม่มากก็น้อย 

ทั้งนี้ด้วยความสามารถของ นายมิ่งขวัญ เชื่อว่าจะสามารถมาเติมคะแนนให้กับพรรคได้มากพอสมควร แต่ถึงขั้นเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ต้องเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหากมีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคคนเดียวไม่ได้ และความจริงแล้วการเสนอชื่อแคนดิเดตนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้กับสมาชิกในช่วงนี้ 

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศอยู่ต่ออีก 2 ปี นายวีระกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตั้งใจทำงาน เป็นบุคคลฝ่ายบริหาร แต่เรื่องของการดูแลทางการเมืองให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนดู ประสานงานการเมือง  ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะแน่วแน่ เรื่องการบริหารเพียงด้านเดียว และไม่แปลกใจว่าท่านจะตอบว่าท่านจะทำถึงนาทีสุดท้าย ในนาทีสุดท้ายของการเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจะทำได้ผลดีหรือไม่ อยู่ที่ประชาชนตัดสิน"

ส่วนการแถลงนโยบายของพรรคเพื่อไทยกรณีขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาท นายวีระกร กล่าวว่า "เว่อร์! คือพูดอะพูดได้ พูดเอาใจพูดหาเสียงพูดได้ แต่ต้องคิดด้วยว่ามีผลเสียหายต่อวงการอุตสาหกรรม เพราะเราไม่ใช่อุตสาหกรรมไฮเทคทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรม ที่เรียกว่า Labour intensive ในการใช้แรงงานเป็นหลัก

อยู่ๆมาขึ้นค่าแรงแบบเท่าตัว เขาจะอยู่กันได้อย่างไร ก็คงจะต้องไปบอกแรงงานต่างชาติ เพื่อนบ้านเอามานั่งทำกันเป็นหลัก แล้วคนไทยก็ตกงานเหมือนเดิม เพราะเจอค่าแรงแพงๆ แบบนี้ฐานการผลิตสั่นคลอนแน่นอน

ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้า พรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนเดินขึ้นอาคารรัฐสภาทันทีภายหลังถูกถามกรณีนายมิ่งขวัญ ประกาศว่าหนึ่งในเงื่อนไข ที่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ คือจะถูกเสนอชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค