ส.จ.เปี๊ยก โต้ “พ่อมดดำ” เนรคุณอะไร เป็น ส.ส.มา 30 ปี เพราะใคร

28 พฤศจิกายน 2565 นายวรรณา รอดพิทักษ์ หรือ ส.จ.เปี๊ยก อายุ 69 ปี รองนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยถึงกรณี นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.เขต 3 ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ที่ออกมาโต้ตอบกรณีตนเองได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สนามชัยเขต หลังถูกตบที่ศีรษะกลางงานศพว่า เป็น“คนเนรคุณ” และอาจจะเข้าข่ายแจ้งความเท็จนั้นว่า “ผมจะแจ้งความเท็จได้อย่างไร เมื่อเขาเดินเข้ามาตบกระบาลผมต่อหน้าคนจำนวนมาก”



ทั้งนักการเมืองท้องถิ่นที่นั่งอยู่ใกล้ๆ และผู้ที่นั่งอยู่แถวหลังมีทั้ง ส.อบต. สารวัตรกำนัน และที่ปรึกษานายก อบจ.ฉะเชิงเทรา พร้อมที่จะเป็นพยานให้กับตนหลายคน ก็ให้เขาลงข่าวไปก่อน เพราะเดี๋ยวตนจะทำรายละเอียดเป็นคลิบวิดีโอออกมาเปิดเผย

ส่วนที่เขาให้สัมภาษณ์นั้นไม่ค่อยจะตรงนะ และกล่าวหาว่า ตนเนรคุณ ตนเนรคุณตรงไหน ตนโดนยิงเพราะปกป้องตระกูลนี้ ตนเป็นหัวหอกในพื้นที่ อ.บางคล้า และ อ.คลองเขื่อน จนไม่มีใครมาชนะได้ เขาจึงอยากจะล้มผมให้ได้ จึงส่งคนมายิงตน

ตัวเขาเองช่วยอะไรผมเท่าไร เมื่อครั้งลูกตนบวช มีนายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ (นายกไก่) นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา คนปัจจุบันมางาน เมื่อเขาเห็นนายกไก่ ซึ่งตอนนั้นอยู่กันคนละฝั่ง เขาจึงรู้สึกไม่พอใจ ตนจึงบอกว่ารู้จักเขา มางานเพราะให้เกียรติมาบวชลูกกัน โดยตนแจกการ์ดจัดงานเลี้ยงเกือบ 300 โต๊ะ โดยที่ไม่ได้เก็บเงินเป็นการจัดเลี้ยงฟรี ซึ่งเป็นโต๊ะจีน เขาช่วยมา 1 แสนบาท แต่งานใช้เงินจัดไปเกือบ 1 ล้านบาท แล้วจะมาทวงอะไรกัน

ขณะที่ตนทำงานให้เขามาตั้งแต่เริ่มนับหนึ่ง เมื่อเขาเริ่มลงสมัครรับเลือกส.ส. ครั้งแรก ตนเองได้เปิดบ่อลูกรังที่ ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว ฟรี เอารถขนไปลงให้แก่ชาวบ้านเพื่อหาเสียงให้ เนี่ยไม่นึกถึงเลยเหรอ และตอนลงสมัคร ส.ส.พรรคไท (2539) ตนก็เป็นคนดำเนินการให้ ซึ่งในครั้งนั้นคนไม่เข้าใกล้เลย ตนเป็นหัวหอกทำให้ทุกอย่าง ยังมีรายละเอียดเพิ่มอีกมาก แต่ให้เขาพูดไปก่อน แล้วตนถึงจะชี้แจง
 

คิดว่าตนอยากเป็นรองนายก  จึงไปอยู่ฝั่งนายกไก่ ซึ่งไม่ใช่ ถามเขาสิว่า พอเลือกตั้งเสร็จเขาไม่ได้ช่วยนายกิตติ  แล้วใครจะไปขอ 5 ตำแหน่ง  ที่ไปบอกว่า “ไอ้คนเนรคุณ” นี่ใคร “ผมนี่เอาชีวิตเข้าแลกให้ ผมคนเนรคุณเหรอ” แล้วอยู่ดีๆ มาตบหัวตนต่อหน้าคนมากมาย แล้วชี้หน้าด่าตน แล้วบอกว่ามาหยอก เคยหยอกกันอย่างนี้เหรอ คุณหยอกใครก็หยอก เขาก็รู้อยู่ว่าตนไม่ใช่คนอย่างนั้น อยู่ดีๆ จะมาตบตัวกันได้อย่างไร

ที่ผ่านมาอย่างมากที่เดินอยู่ด้วยกัน ก็แค่เกาะบ่า เรื่องมาตบแล้วชี้หน้าด่าไม่มี ชี้หน้าด่าว่า “มึงชอบด่ากูลับหลังไอ้ .. เปี๊ยก” แล้วสะบัดมือ 2 ครั้ง เมื่อตนถามว่า ด่าเมื่อไรทำไมถึงไม่ตอบ ตนอยู่ดีๆ จะมาทำให้อับอายคนกลางงาน มาแสดง มาใช้อำนาจอย่างนี้ มันไม่ถูก เรื่องคนตามประกบตนนี่ก็มีมานานแล้ว ตนรู้ ตนเองก็จะดูเขาไปก่อน ให้เขาพูดไปจึงให้เขาลงข่าวไป แล้วตนจะทำคลิบออกมาให้ชาวบ้านรับรู้ และดูว่าแบบนี้เนรคุณหรือไม่ จะทำออกมาเป็นหัวข้อจะได้รู้กัน

คำว่า “เนรคุณ” เนี่ยใช่หรือไม่ ตนทำอะไรให้บ้างตั้งแต่ ส.จ. จนทำให้เป็น ส.ส.มา 30 กว่าปี ตนเคยทิ้งไหม การเมืองมาแตกกันตอนเลือกตั้ง นายก และสมาชิก อบจ. เพราะตนเป็นผู้มีส่วนไปดึงนายกไก่ ให้เข้ามาอยู่กับคุณสุชาติ แล้วตอนหลังได้ไปคุยกันที่บ้านริมน้ำ จนนายกไก่ ถึงกับคุกเข่ากราบเลยนะ พร้อมบอกว่า “ขอบคุณครับนาย” คิดว่ารู้เรื่องแล้ว แต่ไม่จบยังโทรศัพท์มาต่อว่าตนอีก ว่าจะไม่เอาคนนี้ลง ไม่เอาคนนั้นลงา จะไม่เอาได้ยังไงเมื่อเราเปิดตัวไปแล้ว

ตนจึงเรียกคนของตนมาทั้งหมดเพื่อให้สู้ แล้วคนของตนก็เข้าทั้งหมด ในการเลือกตั้งนายก และ ส.อบจ.ครั้งที่ผ่านมานี่แหละ (2563) จนทำให้เขาไม่พอใจ เพราะตนเองก็บอกกับเขาตรงๆ ว่า ตนไม่ใช่คนเหยียบเรือสองแคม เป็นคนที่เดินตรงมาตลอด และไม่เคยเหยียบออกจากบ้านตันเจริญมาก่อน ไม่ว่าใครจะชวนอย่างไรก็ตาม ทำอย่างไรตนก็ไม่เอาด้วยไม่เอาทั้งนั้นตนเป็นคนอย่างนี้

แต่ที่ต้องออกมา เพราะว่าการเมืองทีหลังมันไปด้วยกันไม่ได้ เนื่องจากเขาไม่เหมือนเก่า เพราะเราต้องเอาพวกกันไว้ และตนเองเป็นคนไม่เห็นแก่เงิน เงินซื้อตนไม่ได้ ที่เขาให้สัมภาษณ์ ได้อ่านแล้วไม่เป็นความจริง ในงานบวชลูกชายตนนั้นเขามาจริง และตนจะให้เขาถือบาตรด้วย เนื่องจากตนมีบุตรชายฝาแฝด เพื่อให้เกียรติเขา เคารพเขาตอนนั้นจริง แต่เขาไม่ได้มางานเลี้ยง โดยตนเองออกเงินค่าใช้จ่ายไปเกือบ 1 ล้านบาท แต่เขาให้มา 1 แสนบาท

แล้วที่ตนทำไว้ไม่มีบุญคุณเลยใช่ไหม ซึ่งเป็นเรื่องนานหลายปีแล้วแต่กลับเอามาลำเลิก คิดสิว่าใช้ได้ไหมล่ะ รักษาตนเมื่อครั้งถูกยิงไป 2 แสนกว่าบาท ที่พาไปรักษาที่ รพ.เปาโล แล้วตนจะถามเขาบ้างว่า แล้วของตนล่ะ ที่ทำงานให้เขาจนไม่มีใครชนะได้ใน 2 อำเภอ ส.ส.ในพื้นที่ก็ยังสู้ไม่ได้ แม้กระทั่งบ้านลุงนัน (นายอนันต์ ฉายแสง) รวมถึง นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายสมชัย อัศวชัยโสภณ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา ที่ลงมาในเขต อ.บางคล้า อ.คลองเขื่อน

ทั้งที่เขาไม่เคยมาเดินลงพื้นที่มาหาเสียงกับตน แต่ตนก็ยังทำคะแนนให้เขาชนะมาได้ทุกครั้ง โดยที่เขาไม่ต้องมายุ่ง ในขณะที่ตนลงสมัคร สจ.เขาพากันมารุมถล่มเพื่อที่จะให้ตนเองสอบตกหรือพ่ายแพ้การเลือกตั้งถึง 3 บ้าน เขาก็ไม่ได้มาช่วยตนหาเสียง ตนสู้มาด้วยตัวเองจนชนะเป็น สจ.มากว่า 30 ปี

หลังจากนี้อะไรจะเกิด เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา เราก็ระวังของเราไว้เฉยๆ แต่จะให้ตนเองเดินถอยหลังตนไม่ถอย ตนก็ต้องเดินช่วยคนที่ตนรับปากว่าจะช่วยไว้

เพราะเขารู้ดีว่าตนเนี่ย ขนาดถูกยิงแผลยังไม่ทันหายสนิทเลย ยังจะมีคนเอามือปืนมาตามยิงซ้ำอีก แต่ขอไม่เอ่ยว่าเป็นใครเพราะเขาตายไปแล้ว แต่เป็นฝั่งตรงข้ามทางการเมืองในขณะนั้น จะเห็นได้ว่าทุกคนนั้นต้องการที่ละล้มตน เพราะตนเป็นหัวหอกให้ที่นี่คนบ้านนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตนก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ตนคิดว่าเขาต้องการให้ตนอับอายชาวบ้านหรือไม่ ไม่รู้ว่าความคิดเขาคืออะไร แต่ไม่น่าทำ ตนบอกได้เลย

อย่างน้อยเมื่อพบเจอกัน บอก “เฮ้ยไอ้เปี๊ยก กูขอคุยกับมึงหน่อยตัวต่อตัวไม่เกี่ยวกับคนอื่นก็ว่ามา ผมจะได้รู้ว่าเรื่องอะไร และผมไม่ได้เหยียบบ้านนี้มาเกือบ 3 ปีแล้ว ตั้งแต่หลังการเลือกตั้ง อบจ. ผมไม่ชอบคนที่เดินด้วยกันแล้วถีบหัว พวกไม่เอาพวก ทิ้งพวก พอตนประกาศเดินออกหลังจากที่ตนไม่เอาแล้ว ยังมีผู้ช่วย ส.ส. ซึ่งปัจจุบันเป็นายก อบต.ท่ากระดาน ยังได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วย ส.ส. และเดินตามผมออกมาด้วย

เพราะว่าเขาเห็นตนเองทำงานจริง จึงตามมาช่วยฝั่งนี้ ทำงานอยู่ในพื้นที่ อยู่กับชาวบ้านตลอด ไม่ใช่ว่าจะเข้ามาแค่เฉพาะตอนที่จะมีการเลือกตั้ง จึงบอกเลยว่า ไม่น่าจะมาลำเลิกบุญคุณอะไรกัน แล้วต่อไปใครจะกล้าเข้าไปกินข้าวที่บ้าน หากเมื่อกินเสร็จแล้ว บอกว่า แดร...ก ข้าวเขาแล้ วยังไม่นึกถึงบุญคุณจะทำอย่างไรกัน” นายวรรณา กล่าว