17 พฤศจิกายน 2565 "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิศษในงาน APEC CEO Summit 2022 ที่โรงแรมดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน โดยมี ประธานเอเปค ซีอีโอ ซัมมิท ปี 2565 และประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน คณะผู้แทนเอแบค นักธุรกิจ เข้าร่วมประชุม
โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะที่เอเปค ซีอีโอ ฮัมมิท เป็นหนึ่งในการรวมตัวของภาคธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค การกลับมาอีกครั้งของการประชุมในรูปแบบพบหน้ากัน ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกให้แก่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และการที่ทุกคนมาร่วมประชุมสะท้อนให้เห็นว่า ภูมิภาคของเรากลับมาเดินหน้าทำธุรกิจอย่างเต็มที่อีกครั้งหลังจากที่ชะงักงันมาหลายปี การกลับมาครั้งนี้เป็นโอกาสให้ฟื้นฟูความเชื่อมโยง รื้อฟื้นความสัมพันธ์ และสานต่อความร่วมมือระหว่างกัน
ขณะที่ โลกกลับมาเชื่อมโยงกันอีกครั้งในยุคหลังโควิด ไทยกำลังขับเคลื่อนความร่วมมือเอเปคในประเด็นที่ท้าทายและมีวิสัยทัศน์ ได้แก่ ประเด็นการค้าและการลงทุนใหม่ ๆ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว ความจำเป็นในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน และการเดินทางวาระความยั่งยืนของโลก โดยคำนึงถึงเศรษฐกิจที่มีพลวัตสูงในปัจจุบัน
"ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้สะท้อนอยู่ในหัวข้อหลักของเอเปคปีนี้ คือ Open CONNECT BALANCE ภายใต้หัวข้อหลักนี้ ประเด็นสำคัญชองเอเปคถูกนำทางโดยแนวคิดเศรษฐกิจบีซีจีที่เป็นวาระ แห่งชาติและประเทศไทยได้นำมาเป็นยุทธศาสตร์ในการพื้นฟูจากผลกระพบของโควิด-19" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตลอดจนเป็นแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาและการเติบโตในระยะยาวที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม เศรษฐกิจสานแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน โดยใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ทั้งเศรษฐกิจชีวภาพเกี่ยวข้องกับการผลิตที่น้นการนำทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าที่มาจากทรัพยากรและวัตถุดิบชีวภาพที่ใช้แล้วไม่มีวันหมดไปเศรษฐกิจหมุนเวียนมุ่งให้เกิดระบบการผลิตและการบริโภคสินค้าและบริการแบบฟื้นสร้าง
อย่างไรก็ตาม โดยมีการวางแผนตั้งแต่การออกแบบระบบที่ให้ความสำคัญกับการลดขยะและมลพิษ ในขณะเดียวกัน ก็พยายามใช้วัตถุดิบซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สุดท้ายเศรษฐกิจสีเขียวส่งเสริมพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบและโมเดลเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสร้างผลกำไรควบคู่ไปกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม แนวทางเศรษฐกิจทั้งสามข้างตันไม่ใช่เรื่องใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า แต่สิ่งที่ทำให้แนวคิดเศรษฐกิจบีซีจีแตกต่างออกไป คือ การตระหนักว่าความท้าทายหลากหลายที่ประสบอยู่เป็นเรื่องที่เชื่อมโยงและคาบเกี่ยวกัน ดังนั้น การแก้ปัญหาจึงต้องไม่เป็นไปแบบแยกส่วน ด้วยเหตุผลนี้เศรษฐกิจบีซีจี จึงให้ความสำคัญและผลักดันการใช้สามแนวทางเศรษฐกิจนี้ร่วมกันอย่างเป็นองค์รวม เพื่อให้เกิดผลลัพธ์แบบทวีคูณ ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ได้อย่างเสียอย่าง บนหนทางสู่การพัฒนาไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืน ยืดหยุ่น และครอบคลุม
"ภาคเอกชนมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ผมขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณเอแบค สำหรับความร่วมมือในการขับเคลื่อนประเด็นสำคัญของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย การร่วมมือกับภาคเอกชนเป็นส่วนสำคัญต่อกระบวนการเอเปค และผมให้ความสำคัญกับมุมมองและการสนับสนุนจากภาคธุรกิจในการดำเนินความร่วมมือในด้านต่างๆ โดยมี 3 ประเด็นที่เชื่อว่าภาครัฐและภาคธุรกิจ สามารถร่วมมือกันได้อย่างเข้มแข็ง" นายกฯ ระบุ
อย่างไรก็ดี ประเด็นแรก การส่งเสริมความยั่งยืน ทุกวันนี้ (17พ.ย.) เราเผชิญหน้ากับความท้าทายทางสิ่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ได้เห็นพายุและภัยแล้งเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงมากขึ้น อุณหภูมิโลก และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น คุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ลง และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของทุกคน จึงจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าการเติบโตเป็นไปอย่างยั่งยืน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในระยะยาวของภูมิภาคในการะผลักดันการเติบโตที่สมดุลและครอบคลุม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ไทยได้กำหนดให้ความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญสูงสุดของเอเปคในปีนี้ และมุ่งมั่นที่จะนำเศรษฐกิจบีซีจี มาขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นในระยะยาว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งหาหนทางที่เหมาะสมให้ธุรกิจยังสามารถมีผลกำไรได้ ดังนั้น เชื่ออย่างยิ่งว่าทุกคนสามารถร่วมมือกันได้ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและพัฒนาวิถีการคำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น ความร่วมมือที่เข้มแข็งและความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับเอกชน เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและครอบคลุม ดังนั้น จะต้องเปลี่ยนการกระทำในวันนี้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม
"เราสามารถร่วมมือกันดำเนินธุรกิจมุ่งไปสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่ล้ำสมัยในการผลิตของภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมสังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG (อี-เอส-จี) ที่ภาคเอกชนทั่วโลกให้ความสำคัญมากในขณะนี้ โดยกำลังสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมการลดของเสียและการปล่อยก๊าซมลพิษ สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญให้ภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาระบบการเงินที่ยั่งยืนที่อิงกลไกตลาด ตราสารทางการเงิน และเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ สร้างระบบนิเวศทางการเงินที่เอื้อให้ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนสามารถรรลุเป้าหมาย สำหรับเส้นทางไปสู่ความยั่งยืนของไทย กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจบีซีจีที่ผลักดันและให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน
ทั้งนี้ เอเปคผลักดันให้มีการปฏิรูปทางโครงสร้างและมาตรการที่จำเป็น เพื่อสร้างแรงจูงใจทางการเงินสำหรับการลงทุนที่มีคุณภาพ และขจัดอุปสรรคของการทำธุรกิจ นอกจากนี้ต้องดูแล MSMEs ซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 98 ของธุรกิจทั้งหมดในภูมิภาค และคิดเป็นร้อยละ 40-60 ของ GDP ในเขตเศรษฐกิจเอเปคส่วนใหญ่ จึงมุ่งที่จะร่วมมือกันเพื่อทำให้ MSMEs มีขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างนวัตกรรม ตลอดจนส่งเสริมให้สามารถเข้าถึงตลาดและแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
ขณะที่ การจัดทำนโยบายต่างๆ จะผลักดันการเสริมพลังสตรีและสนับสนุนการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอย่างแท้จริง สำหรับเยาวชนที่ผ่านมาได้รับปฏิญญาผู้แทนยาวชนจากลุ่มการประชุมผู้แทนยาวชนเอเปค ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ การเร่งรัดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนและการปกป้องโลก เพื่อคนรุ่นหลัง ดังนั้น เอเปคจึงเน้นให้เรื่องการมุ่งไปสู่ดิจิทัลเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในปีนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพจะสร้างโอกาสอย่างมหาศาลสำหรับธุรกิจทั้งในและนอกภูมิภาค
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ปีนี้ไทยได้วางรากฐานสำหรับภูมิภาคในการปฏิรูปทางโครงสร้างให้สอดรับกับสถานการณ์ ปัจจุบัน ขับเคลื่อนงานที่ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่การค้าดิจิทัลและความเชื่อมโยง เร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานด้านอินเทอร์เน็ตและเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเปค และ จะร่วมมือกับภาคเอกชนต่อไปในการลดช่องว่างด้านดิจิทัล ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 14 ของ GDP ของไทย ไทยมีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ดีที่สุดลำดับต้นของโลก โดยมีอินเทอร์เน็ตบ้านเร็ว ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ตามการจัดอันดับความเร็วอินเทอร์เน็ตโลก
ด้วยปัจจัยนี้ ไทยมองว่าภาคธุรกิจดิจิทัลจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 30 ของ GDP ของไทยภายในปี 2573 และ ไทยส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมดิจิทัล ผ่านมาตรการจูงใจทั้งทางภาษีและไม่ใช่ภาษี โดยเน้นการพัฒนาชอฟท์แวร์ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และธุรกิจที่ส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัล เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น พร้อมสิทธิประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะ สำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน และในการประชุมเอเปคครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ไทยจึงจะเสนอให้ผู้นำเอเปครับรองเป้าหมายกรุงเทพ ว่าด้วยเศรษฐกิจบีซีจี ในปลายสัปดาห์นี้ เอกสารฉบับนี้ จะกำหนดทิศทางของเอเปคไปสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน วางเป้าหมายเพื่อสนับสนุนความพยายามในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน ผลักดัน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปรับปรุงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดขยะให้เป็นศูนย์
สำหรับความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนจากภาคเอกชน การเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐกับภาคธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ภูมิภาค ก้าวไปข้างหน้าและเติบโตสู่อนาคตที่ยั่งยืน ครอบคลุม และสมดุล ด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และในขณะที่รัฐบาลสามารถดำเนินมาตรการ เพื่อมุ่งสู่การปฏิรูปโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ท้ายที่สุดทั้งหมดขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่น ยืดหยุ่น และสร้างสรรค์ของภาคเอกชนที่จะขับเคลื่อนความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในเอเปคให้ก้าวหน้าต่อไป