svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วรนัยน์"โพสต์ลาหัวหน้ารวมไทยยูไนเต็ดขออยู่พรรคมีเป้าหมาย Center Left

"วรนัยน์ วาณิชกะ"โพสต์เฟซบุคร่ายยาว หลังตัดสินใจลาออกจากหัวหน้ารวมไทยยูไนเต็ด เตรียมสังกัดพรรคใหม่ ย้ำต้องมีจุดยืน หนุนกระจายอำนาจ ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ไร้ขั้วการเมือง 

3 พฤศจิกายน 2565 "นายวรนัยน์ วาณิชกะ" หัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด เปิดใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า หลังจากได้ตรึกตรองมาซักระยะ จึงได้ตัดสินใจดำเนินการลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยยูไนเต็ด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะวางมือจากการเมือง แต่เป็นการเลือกที่จะหาที่อยู่ใหม่ เพื่อเดินเส้นทางเดิม นั่นคือ เส้นทางสู่การกระจายอํานาจในสองปัจจัยหลัก

 

"วรนัยน์"โพสต์ลาหัวหน้ารวมไทยยูไนเต็ดขออยู่พรรคมีเป้าหมาย Center Left

 

หนึ่งคือ สิทธิมนุษย์ชนในความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย ไม่ใช่อภิสิทธิ์ที่กระจุกอยู่ในมือคนกลุ่มน้อย

 

สองคือ โอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชนทุกคน ไม่ใช่กระจุกความมั่งคั่งในมือของกลุ่มคนไม่ถึง 1% ของประเทศ

นายวรนัย กล่าวอีกว่า หลักการของการขับเคลื่อนเส้นทางนี้ คือ คน "รุ่นใหม่" ซึ่งไม่ได้หมายถึงอายุ แต่คือความคิด โลกนี้มีทั้งคนอายุ 70 ที่มีความ คือ ทันสมัย และคนอายุ 20 ที่มีความ คือ ดึกดำบรรพ์ เป็นเส้นทางที่ก้าวสู่อนาคตโดยไม่ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เพราะไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ใส่เสื้อสีใด เป็นติ่งขั้วไหน อนุรักษ์นิยมหรือเสรีนิยม ประเทศเราขับเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้

 

หากเราไม่ร่วมกันวิวัฒนาการ เป็นเส้นทางที่ปูโดยหลักการของประชาธิปไตย ซึ่งควรเป็นบรรทัดฐานในการหาฉันทามติร่วมกันในทุกข้อขัดแย้งของสังคม ผมได้มีการพูดคุยเบื้องต้นกับบางพรรคการเมือง ซึ่งกําลังพิจารณาดูว่า พรรคใดยินดีให้โอกาสกับจุดยืนและนโยบายที่ได้พูดถึงในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 ปี ของเส้นทางการเมืองของตน (ก่อนหน้านี้เป็นสื่อมวลชนและอาจารย์มหาวิทยาลัย)

 

"วรนัยน์"โพสต์ลาหัวหน้ารวมไทยยูไนเต็ดขออยู่พรรคมีเป้าหมาย Center Left
 

อย่างไรก็ตาม นายวรนัย ระบุว่า พรรคการเมืองที่จะตัดสินใจร่วมเดินทางด้วย คือ พรรคที่ยินดีเปิดรับจุดยืนและนโยบายที่เป็น Center Left หรือ กลางซ้าย กลาง คือ การวิวัฒนาการร่วมกันทั้งประเทศ ไม่ใช่ไปเพียงแค่ขั้วเดียว ซึ่งเป็นบทเรียนอันซ้ำซากในประวัติศาสตร์ของเรา สองขั้วชักกะเย่อกันจนโดนรถถังชนล้มทั้งประเทศ

 

แต่หากเราจับมือร่วมกัน รถถังก็จะไม่มีข้ออ้างเข้ามา และไม่ใช่การจับมือกันโดยผู้ใหญ่จูงมือผู้น้อย เดินตามหลังอย่างไม่มีปากมีเสียง แต่เป็นการจับมือกันโดยมีศักดิศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ซ้าย คือ การปฏิรูปโครงสร้างประเทศ ไม่ใช่ยึดติดกับความเหมือนเดิม เพราะปัญหาของประเทศเรา คือ โครงสร้างอำนาจที่กระจุก

 

เพราะฉะนั้น จุดยืนของการเข้าร่วมกับพรรคการเมืองของตนคือ หากเข้าไปในสภา จะยกมือให้กับแคนดิเดตนายก ที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่จาก ส.ว. นโยบายปฏิรูปโครงสร้างอำนาจการเมืองคือ เลือกตั้งผู้ว่าทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ปกครองพิเศษ เพราะคำว่า "พิเศษ" นั่นแหละ คือ ความอภิสิทธิ์ คือ ความเหลื่อมลํ้า ประชาชนในทุกจังหวัดต้องมีความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย เลือกผู้ว่าของตน ไม่ใช่ระบบ "นายสั่งมาให้คุม" และผู้ว่าจะต้องมีอำนาจในการบริหารอย่างแท้จริง ไม่ใช่เลือกแล้วก็ต้องมานั่งเป็นลูกหม้อให้รัฐบาลกลาง เลือกงบประมาณของตน ไม่ใช่ส่งส่วยภาษี 100% ให้นาย แล้วมานั่งภาวนาว่านายจะปัดเศษให้พอกินพอใช้ พร้อมแนบใบสั่งว่า จะต้องทำอะไร รัฐบาลกลางเป็นผู้ประสานงาน ไม่ใช่เจ้านาย ทั้งสองสิ่งนี้ คือสิทธิอำนาจทางการเมืองที่จะกำหนดอนาคตของตน

 

นโยบายปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจที่กระจุกอยู่ในกรุงเทพ ไม่ใช่นโยบายกู้เงินมาแจกจนถังแตกทั้งประเทศ แต่เป็นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ สร้างงาน สร้างเงิน เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คือ คาสิโนเสรี

 

จุดประสงค์ไม่ใช่การพนัน แต่คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ท่องเที่ยวจะโตก็ต้องมีสิ่งดึงดูดใหม่ฯ ไม่ใช่เที่ยวของเดิม เศรษฐกิจจะก้าวกระโดดก็ต้องมีอุตสาหกรรมใหม่ฯ ไม่ใช่ขายแต่ของเดิม คุณภาพชีวิตจะพัฒนาเทียบเท่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็ต้องมีเงินใหม่อันมหาศาลเข้ามาสะพัดในระบบไม่ใช่แตกแบ๊งค์เงินเก่า

 

เงินภาษีคาสิโนเข้าจังหวัด เอามาพัฒนาโรงเรียน โรงพยาบาล ถนนหนทาง ไม่ต้องรอขอจากรัฐกลาง ส่วนแบ่งภาษีของรัฐบาลกลาง เอามาตั้งกองทุนสตาร์ทอัพให้นักศึกษาพึ่งจบ และเพิ่มงบในกองทุนเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ สรุป คือ ขับเคลื่อนอนาคตของประเทศพร้อมกับดูแลพ่อแม่ของเรา

 

จะเป็นบาปหรือเป็นบุญ ให้ประชาชนในพี้นที่ตัดสินใจ ประชามติว่าควรทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับประชาชนในแต่ละจังหวัด แต่ไม่ได้หมายความว่ามีได้ทุกจังหวัด ไม่เกินสามพื้นที่ทั่วประเทศ ยุทธศาสตร์แต่ละภูมิภาค ที่แน่ไม่ต้องทําในหรือใกล้กรุงเทพ ทั้งประชากรและเศรษฐกิจกระจุกแออัดพอแล้ว สร้างงาน สร้างเงินที่อื่น สร้างโอกาสให้คนกระจายออกจากเมืองหลวง นโยบายเศรษฐกิจต้องพลิกโฉม ไม่ใช่ประชาชนมีเงิน 5 บาท แจกให้อีก 1 บาท แต่ก็ยังจนอยู่ดี

 

นโยบาย Soft Power สิ่งแรกที่ควารเข้าใจ Soft Power เป็นกระบวนการของการเมืองระหว่างประเทศตามขั้นตอนดังนี้ : ส่งออกวัฒนธรรมร่วมสมัย หากชาวโลกลุ่มหลง มันก็จะต่อยอดสู่ความเชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า และส่งผลให้ภาพพจน์ของประเทศ และอำนาจในการต่อรองบนเวทีโลก ฮอลลีวู้ด J-Pop K-Pop คือเครื่องมือ Soft Power ที่ช่วยให้อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จบนเวทีโลก

 

เพราะฉะนั้น Soft Power ของไทยคืออะไร ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ข้าวเหนียวมะม่วง ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์และไม่ใช่บุคคล คำถามคือ ชีพจรของชาวโลกต้องการอะไร คำตอบคือ วัฒนธรรม LGBTQ+ ร่วมสมัยของไทย ซึ่งมีศักยภาพอยู่แล้วในการผลิต Series Y และวงดนตรี ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ ซึ่งสามารถต่อยอดไปถึงแบรนด์เศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไลฟสไตล์และแฟชั่น ซึ่งสามารถนำไปสู่ Bangkok Pride Parade เป็นเทศกาลระดับโลก ต่อยอดไปการท่องเที่ยว และสร้างภาพพจน์ของประเทศไทยบนเวทีโลกว่า นี่คือแบบอย่างของประเทศที่ทันสมัยและมีสิทธิ์เสรีภาพ แต่ Soft Power นี้จะทำไม่ได้ หากสมรสเท่าเทียมไม่เกิดขึ้นจริง หากเสรีภาพของประชาชนยังถูกลิดรอน

 

"คำถามที่ฮึกเหิม คือ พรรคการเมืองไหนทำได้ ซึ่งเป็นคำถามที่เศร้าสลด คือ มีกี่พรรคที่เข้าใจว่า Soft Power คืออะไร กระจายอำนาจ กระจายโอกาส คือจุดเป้าหมายบนเส้นทางการเมืองของให้มันเกิดในรุ่นเรา คือสโลแกนที่ควรผลักดันให้เป็นฉันทามติเพราะเราคือคนไทยทุกคน" นายวรนัยน์ กล่าว