1 พฤศจิกายน 2565 "นายอนุชา นาคาศัย" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับกระแสข่าวการยุบสภาในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง
เมื่อถามว่า สับสนกระแสข่าวที่ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยช่วงนี้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า มันมีทั้งปี่ มีขลุ่ย และกลอง มาตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ส่วนเพราะว่าเป็นช่วงปีใหม่ที่รัฐบาลดำเนินการเรื่องของขวัญต่างๆ เสร็จสิ้นพอดี น่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการยุบสภาหรือไม่ นายอนุชา กล่าวยืนยันได้ว่า ไม่มีในเรื่องนี้ และไม่ได้ยินข่าวหรือมีข้อสงสัย รวมทั้งข้อระแวงในเรื่องของการยุบสภาแม้แต่น้อย และเท่าที่ฟังนายกรัฐมนตรีมา ก็ยืนยันว่าจะทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
สำหรับนโยบายใหม่ๆของพรรคพลังประชารัฐ ผู้บริหารพรรคและทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกำลังดำเนินการในส่วนนี้ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบเวลา ไม่มีเรื่องอะไรน่าวิตกกังวล
เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรยังคงรักและอยู่พรรคพลังประชารัฐไม่เปลี่ยนใจไปพรรคอื่นใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ตนยังคงมั่นใจและยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้จะมีอะไรที่เข้ามากระทบพรรค อย่างกรณีเรื่องเงินบริจาคพรรค ตนมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกพรรค
"เราไม่สามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินได้ และยืนยันว่าการรับบริจาคถูกต้องตามกฎระเบียบทุกอย่างจึงไม่มีอะไรหนักใจ และไม่หวั่นไหวกระแสความนิยมของพรรคลดลง เชื่อว่าการเมืองมีหลายมิติไม่ได้มีคนอยู่แค่ส่วนเดียวหรือกลุ่มเดียว ความคิดมีหลากหลาย ส่วนจะมีมากน้อยอย่างไรค่อยว่ากัน" นายอนุชา กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ยังคงเป็น "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" พร้อมปฏิเสธพรรคพลังประชารัฐ จะส่ง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯร่วมด้วยหรือไม่ และเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง รวมทั้งไม่มีเหตุบ่งชี้ใดๆ ที่จะต้องมีพรรคสำรอง อีกทั้ง เชื่อว่าเงินบริจาคยังคงไกลมากที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และมองว่าการรับบริจาคเงินของทุกพรรคไม่มีอะไรที่ต้องเคลือบแคลงหรือแอบแฝง
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมเป็นแคนดิเดตของพรรคฯ และไปพรรคอื่นจะมีผลกระทบต่อพลังประชารัฐอย่างไร นายอนุชา ระบุว่า ค่อยว่ากัน แต่ตนยังไม่เห็นอะไรตรงนั้นที่จะเป็นเหตุบ่งชี้ พร้อมมั่นใจว่าพลังประชารัฐ จะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม เพราะผลงานของรัฐบาลจะทำให้ตัวเลข ส.ส.มากกว่าเดิม รวมทั้งได้รับความนิยมมากขึ้น